ตะลุยไทเป 3 วัน 3 คืน
ตะลุยไทเป3 วัน 3 คืน
เราเริ่มต้นวันแรกด้วยการเดินทางมาถึงเทอมินอล 1 สนามบินเถาหยวนประเทศไต้หวันเวลาเที่ยงคืนกว่าๆ ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย ก็ไปรับ pocket wifi ซึ่งเราเช่าไว้กับ i-wifi (http://www.i-wifii.com/index_en.php) โดยเจ้าหน้าที่จะมารอเราอยู่ที่เคาท์เตอร์ของบริษัท หลังรับ pocket wifi เรียบร้อย คืนนี้เราไม่ได้เช่าโรงแรมไว้ จึงเริ่มต้นทริปด้วยการหาที่นอนที่สนามบิน โดยเลือกนอนที่ชั้น 3 โซนโซฟา ข้อแนะนำสำหรับคนที่จะนอนสนามบินอย่าลืมเตรียมผ้าห่มหนาๆ เพราะกลางคืนจะหนาวมากๆ
ตอนเช้าตื่นแต่เช้าล้างหน้าแปรงฟัน ลงไปที่ชั้น B1 แวะร้าน Hi-Life ซื้อบัตร Easy Card พร้อมเต็มเงิน (แนะนำสำหรับคนอยากได้ลายน่ารักๆ ที่สนามบินจะมีเยอะกว่าในเมือง)
เราเลือกวิธีการเข้าเมืองโดยการนั่งรถบัสของบริษัท Kuo-Kuang ค่ารถคนละ 125 NT ปลายทางสถานี Taipei Main Station โดยซื้อตั๋วที่ช่องขายตั๋วหมายเลข 7 แล้วมาขึ้นรถบัสที่ช่องจอดหมายเลข 5
เอากระเป๋าเดินทางเก็บใต้ท้องรถ และเราจะได้ Baggage Tag มาเพื่อใช้รับกระเป๋าตอนลงรถค่ะ
หลังจากลงรถที่สถานี Taipai Main Station เรานั่งรถ subway มาลงที่สถานี Ximen เพื่อเข้าไปฝากกระเป๋า เราเลือกพักที่โรงแรม Gosleep Hotel (Hankuo) เป็นห้องพักพร้อมอาหารเช้า ไม่ไกลจากสถานี Ximen มากนัก และสามารถเดินเที่ยว Ximending ได้ทุกๆ คืน ตอนจองเราจองห้องเล็กแต่ว่าโชคดีได้อัพเกรดเป็นห้องใหญ่ขึ้น ที่เห็นคือเตียงแบบนี้สองเตียงนะคะ สบายกันเลย ใครสนใจอยากพักลองดูได้ที่ https://www.agoda.com/partners/partnersearch.aspx?pcs=1&cid=1811539&hl=th&hid=293588 หรือ https://www.booking.com/hotel/tw/taipei-gosleep.th.html?aid=1615768&no_rooms=1&group_adults=1
หลังจากฝากกระเป๋าไว้ที่พักแล้ว เราเดินทางไปจุดหมายแรกคือทะเลปิ้ถัน โดยนั่งรถ MRT สายสีเขียวหมายเลข 3 (Songshan Xindian Line) ลงสถานีปลายทาง Xindian Station
สำหรับที่นี่ตอนเช้าๆ จะเต็มไปด้วยคุณลุงคุณป้ามาออกกำลังรำมวยไทเก็ก รำกระบี่กระบอง นอกจากนั้นยังมีทั้งมาเดินวิ่งและออกกำลังกาย
ที่เที่ยวของที่นี่มีทั้งเดิน
Shopping Street ถนนที่เต็มไปด้วยของกิน เริ่มเปิดตอนสายๆ
Bitan Suspension Bridge เดินข้ามสะพานแขวนชมบรรยากาศ
มีกิจกรรมปั่นเรือเป็ด หรือจะเข้าสะพานแขวนไปเดินปีนเขาสำรวจธรรมชาติก็ได้เช่นกันค่ะ
ที่นี่มีร้านอาหารให้นั่งรับประทานพร้อมชมบรรยากาศริมทะเลสาบไปด้วย ร้านอาหารจะเริ่มเปิดตอน 11.00 น.
หลังจากอยู่ Bitan ซักพัก เนื่องจากมาแต่เช้าอยู่ที่นี่จนเก้าโมงครึ่งแล้ว พวกร้านอาหารส่วนใหญ่จะเปิด 11.00 น. วันนี้ตั้งใจจะกินเสี่ยวหลงเปาอยู่แล้ว ตอนแรกว่าจะกินแถวๆ ใกล้ๆ C.K.S Memorial Hall จะได้ไม่ต้องไปไหนไกล แต่ร้านเปิด 11 โมง ตอนนี้เวลายังเหลือและหิวแล้ว เลยนึกถึงร้านเสี่ยวหลงเปาที่มีคนเคยรีวิว ลองเช็คเวลาร้านเปิดตั้งแต่ 9 โมงเช้า ร้านเปิดเร็วราคาย่อมเยา แผนเราเลยเปลี่ยนไปกินกันก่อนดีกว่า
จากสถานี Xindian นั่งไปเปลี่ยนสถานีที่ C.K.S Memorial Hall ตอนแรกจะมาเที่ยวที่นี่ก่อน ความหิวพาเราเปลี่ยนสายไปสายสีแดง เพื่อไปสถานี Dongmen ออกทางออก 5 เพื่อเดินไปร้าน 好公道金雞園 หรือ Hao Gong Dao
จากสถานี Dongmen เดินเข้าถนน Yongkang แล้วเดินตรงอย่างเดียวก็จะเจอกับร้านเสี่ยวหลงเปาป้ายสีแดง 好公道金雞園
ร้านมีสองชั้นโดยชั้นแรกจะเป็นส่วนทำอาหารและเคาท์เตอร์คิดเงิน สำหรับใครที่อยากนั่งรับประทานขึ้นไปที่ชั้น 2 ได้เลยค่ะ
สำหรับการสั่งอาหารลูกค้าต่างชาติ เขาจะเอาเมนูที่เป็นภาษาอังกฤษมาให้นะคะ แต่เวลาสั่งเราต้องใส่ในกระดาษด้านบนก็ใช้วิธีเทียบตัวเอักษรเอา
สำหรับน้ำดื่มที่นี่เป็นน้ำฟรีบริการตัวเอง มีน้ำร้อน น้ำเย็น น้ำชา
จัดไปสองคนสามอย่าง ที่สั่งเสี่ยวหลงเปาสองเพราะอยากชิมนอกจาก Original เลยสั่งแบบไส้ปูมาอีก 1 สำหรับคนชอบรสเข้มข้นน่าจะชอบไส้ปูมากกว่านะคะ อีกอย่างที่สั่งคือบะหมี่หมูทอด หมูเยอะมากปิดเส้นมิด
เวลาจ่ายเงินเอาสำเนาใบรายการที่เราสั่งเมื่อกี๊ลงไปจ่ายเงินที่ชั้น 1 ค่ะ
ปล.เสี่ยวหลงเปาอย่าลืมรีบทานตอนร้อนๆ นะคะ เย็นแล้วไม่อร่อยเท่าตอนร้อน
เพื่อเที่ยว Chiang Kai Shek Memorial Hall
จากสถานี MRT ออกประตู 5 เดินตรงมาเรื่อยๆ จะพบกับประตูใหญ่ด้านหน้า เดินผ่านเข้าประตูมา ซ้ายมือคือ National Concert Hall ขวามือคือ National Theater
ที่ชั้นล่างอาคาร National Concert Hall จะมีร้านอาหารและเครื่องดื่ม เดินเข้าไปเห็นร้านแรกเลยคือ ร้าน Chun Shui Tang ร้านชมนมไข่มุกเจ้าแรกของไต้หวันที่มีสาขาอยู่ทั่ว ที่นี่เป็นอีกสาขาหนึ่ง เราซื้อชานมไข่มุก original แบบกลับบ้านแก้วเล็ก อร่อยมาก หมดตั้งแต่ยังเดินไม่ถึงหอรำลึก
เมื่อเดินมาถึงหอรำลึกท่านเจียงฟิตกันหน่อย ขึ้นบันไดจำนวน 89 ขั้น ด้านในจะเป็นรูปปั้นท่านเจียงไคเช็ค และทหารเฝ้ายาม และไฮไลท์ของที่นี่ทุกต้นชั่วโมงจะมีการเปลี่ยนกะทหาร อย่าลืมกะเวลามารอชมนะคะ
ชมการเปลี่ยนกะทหาร จะเป็นเหมือนโชว์ให้ชมตั้งแต่ทหารกะใหม่เดินเข้ามาบริเวณหน้ารูปปั้นท่านเจียงไคเช็ค จนเข้ามาเปลี่ยนกับทหารชุดเดิม จนทหารชุดเดิมเดินออก
นอกจากหอรำลึกฯ แล้ว รอบๆ บริเวณของที่นี่เป็นสวนให้สามารถนั่งพักผ่อนหย่อนใจ หลบแดด หลบร้อนกันได้นะคะ
จาก C.K.S Memorial Hall จุดหมายต่อไป Moon Bus สำหรับแฟนๆ ของ Jimmy Liao ไม่ควรพลาด
เป็นนิทรรศการที่จัดบนรถบัส คอนเซปต์มาจากเรื่อง When The Moon Forgot
การเดินทางมายัง Moon Bus นั่งรถ MRT สายสีแดงหมายเลข 2 ลงสถานี Taipei 101 / World Trade Center ทางออก 3 เดินตรงเลยค่ะจะเจอกับรถบัสจอดอยู่
ค่าเข้าชมฟรีนะคะ จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูว่าคนบนรถเยอะรึยัง ถ้ามีคนแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้กลุ่มถัดไปรอซักพัก เนื่องจากรถตู้พื้นที่จำกัด เคยต้องค่อยๆ แบ่งกลุ่มกันไปดู
ข้างในจะจัดแสดงนิทรรศการของ Jimmy Liao เป็นภาพที่มาจากหนังสือ When The Moon Forgot ถึงจะเป็นแค่รถบัสคันเล็กๆ แต่เข้าไปข้างในแล้วน่ารักๆ มากเลยค่ะ
นอกจากนี้ ตรงนี้ยังเป็นอีกจุดที่คนนิยมมาถ่ายรูป ตึก Taipei 101 กันอีกด้วยนะคะ
จาก Moon Bus เราจะเดินไปอีกจุดที่คนชอบถ่ายรุปนิยมไป Xinyi Assembly Hall ค่ะ หรือถ้ามาจาก MRT ให้นั่ง MRT สายสีแดงหมายเลข 2 สถานี Taipei 101 / World Trade Center ออกประตู 2 เดินตรงแล้วเลี้ยวซ้ายจะเจอกับป้าย Xinyi Assembly Hall, Taipei Citry
ที่นี่เคยเป็นหมู่บ้านทหารก่อนพัฒนากลายเป็นที่สถานีที่ศึกษาด้านวัฒนธรรม
ตึกจะเป็นแบบสีปูนตัดกับประตูหน้าต่างสีสด มีมุมน่ารักๆ ไว้ให้ถ่ายรูป และนอกจากนี้ที่นี่ยังมีคาเฟ่และร้านขายของที่ระลึกด้วยนะคะ
แถมที่นี่ยังเป็นอีกจุดที่ถ่ายรูปตึก Taipai 101 ได้อีก เป็นการถ่ายรูปตึก 101 สมัยใหม่ตัดกับเมืองภาพเก่าๆ ตรงหน้า
ที่เที่ยวสุดท้ายของวันแรก คือ Elephant Mountain หรือ Xiangshan
การเดินทาง MRT สายสีแดงหมายเลข 2 สถานี Xiangshan ทางออก 2 เดินเลียบไปกับสวนสาธารณะไปเรื่อยๆ ก็จะพบกับทางขึ้นเขา
จุดที่ชมวิวด้านบนจะมีอยู่ 2 จุด แต่ช่วงวันที่ไปฝนตก แล้วเรายังไม่มีร่มเลยอยู่แค่จุดแรก และไม่ทันรอไฟเปิด เพราะว่ารีบลงมาหนีฝน เลยไม่ค่อยได้รูปเท่าไหร่ จุดแรกกับจุดที่สองไม่ห่างกันเท่าไหร่นะคะ แต่เดินพอเหนื่อย ก่อนมาขึ้นเขาอย่าลืมฟิตร่างกายกันนะคะ หอบได้เลยทีเดียว
ปิดท้ายยามค่ำคืนด้วยการหาของกินค่ะ วันนี้เราไปจะไปที่ตลาด Shilin Night Market กัน แต่ตอนไปที่ Shilin เนื่องจากเราพักอยู่ที่ Ximending อาหารที่ไม่ควรพลาดอย่างหนึ่งเลยคือบะหมี่อาจงค่ะ
ถ้าเดินมาจาก MRT ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยช้อปปิ้ง เดินจนถึงแยกที่เป็น KFC , The Face Shop แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยที่มี Family Mart เดินไปนิดเดียวก็จะพบกับร้านบะหมี่อาจงค่ะ
บะหมี่อาจงถ้วยเล็ก 50 NT ถ้าถ้วยใหญ่จะ 65 NT บะหมี่น้ำจะข้นๆ คล้ายกระเพาะปลา ถือว่าอร่อยถูกปากถ้าไม่ติดว่าจะไปตลาดกลางคืนต่อคงจัดถ้วยใหญ่
หลังจากนั้นก็ไปต่อที่ตลาด Shilin Night Market ค่ะ
นั่งรถ MRT ไปเปลี่ยนสายเป็นสายสีแดง ลงสถานี Jiantan ทางออก 1 ออกมาแล้ว เดินไปถึงแยกแล้วข้ามถนน ก็มีของกินให้เลือกตลอดข้างทางค่ะ
สำหรับคนมาที่นี่ก็นิยมน้ำวุ้นกบ กับไก่ทอด Hot Star แต่อาหารอร่อยๆ ของไต้หวันก็อยู่ที่นี่มากมาย
ส่วนตัวได้ชิมกุนเชียงหมู กับเต้าหู้เหม็นไป อร่อยมาก หิวและอร่อยจนลืมถ่ายรูป เพราะมุ่งเน้นกับการสำรวจของกิน
ที่ตลาดนี้นอกจากจะมีของกินแล้ว ในตัวตลาดมีขายพวกของที่ระลึก เสื้อผ้าที่ระลึก เดินวนๆ อาหารจะคล้ายๆ กัน ลองเลือกกินกันได้เลย
พวกร้านไก่ทอด คนต่อคิวยาวมากนะคะ นอกจากของกินยังมีพวกเกมส์ให้เล่นตลอดทาง เจอทั้งปาเป้า ยิงเป้า โยนห่วง คนเล่นกันสนุกเลย
จบคืนแรกด้วยการแวะเซเว่นเพื่อซื้อลูกชิ้นลวก + ชานมไข่มุก การเข้านอน กินอิ่มหลับสบายพร้อมสำหรับเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้
วันที่สอง
ที่เที่ยวแรกของวันนี้พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทเป (Taipei Fine Art Museum)
การเดินทาง MRT สายสีแดง (หมายเลข 2) Tamsui-Xiny Line ลงสถานี Yuanshan Station ทางออก 1
เมื่อออกทางทางออก 1 หันออกทางซ้ายมือเดินตัดสวน Yuanshan Park ข้ามถนน หันซ้ายเดินเลียบถนนตรงไป จะเห็นตึกสีขาวทรงกล่องอยู่ทางขวามือ เดินตามป้ายไปยังประตูทางเข้า เดินข้ามสะพานนี้ แล้วก็เดินต่ออีกหน่อย
Taipei Fine Art Meseum จะผลัดเปลี่ยนจัดผลงานนิทรรศกาลต่างๆ ไปเรื่อยๆ สามารถเข้าไปเช็คได้ที่ http://www.tfam.museum/?ddlLang=en-us
สำหรับเวลาทำการของ Taipei Art Museum คือ 9.30 น. - 17.30 น. ยกเว้นวันเสาร์เปิดถึง 20.30 น. ปิดวันจันทร์
สำหรับค่าเข้าชม คนละ 30 NT สามารถจ่ายได้ทั้งเงินสด หรือบัตร Easy Card
ซื้อบัตรเสร็จก็เข้าไปชมทรรศการได้เลย ช่วงที่ไปเป็นการแสดงนวัตกรรมความคิดสร้างสรรผลงานแบบคิดนอกกรอบ
ตั้งแต่ด้านหน้าอาคารก็ลองเอาสนามเด็กเล่นหน้าตาแปลกๆ มาวางให้เด็กๆ ปีนเล่นกัน ด้านในจะโชว์ผลงานการสร้างสิ่งต่างๆ ด้วยความคิดสร้างสรรค์และใช้ประโยชน์ได้จริง
นอกจากนี้ยังมีอีกห้องเป็นห้องอ่านหนังสือ โดยจัดหนังสือดีๆ มารวมให้อ่าน ใครชอบประโยคเด็ดจากหนังสือเล่มไหนก็เขียนมาแชร์กันบนบอร์ด แต่เราไม่มีส่วนร่วมเพราภาษาจีนหมดเลย
หลังจากนี้เราจะไปกินข้าวกลางวันกันที่ตลาดปลาไทเป หรือ Addition Aquatic Development
จาก Taipei Fine Art Museum เดินกลับไปยังสถานี Yuanshan ให้สถานีอยู่ทางขวามือหันซ้ายเราจะเจอกับป้ายรถเมล์
นั่งรถเมล์สาย R50 ตำแหน่งที่เราอยู่คือตรงลูกศรสีแดง นั่งไปอีก 3 ป้าย ลงป้ายที่วงกลมไว้ บนรถเมล์จะมีบอกว่าป้ายต่อไปคือป้ายอะไรป้ายที่ 3 บนรถบัสจะมีภาษาอังกฤษด้วยคือป้าย Taipei Second Fruits & Vegetables Wholesale Market ค่ะ
รถเมล์สาย R50 จะเป็นจ่ายเงินตอนลงนะคะ ขึ้นมาหาที่นั่งตอนลงก็เอา easy card แตะที่แป้นเป็นอันเรียบร้อย จะลงป้ายไหนก็กดกริ่งค่ะ
จากป้ายรถเมล์เดินตรงไปอีกหน่อยเพื่อข้ามถนน แล้วเดินต่อไปทางด้านซ้ายมือเจอ 7-11 ให้เลี้ยวขวาจะเห็นอาคารสีฟ้าๆ เดินไปเลี้ยวซ้ายหน้าอาคารนั้น เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึง Addition Aquatic Development ที่นี่จะเข้าทางเดียวออกทางเดียว ตรงทางเข้าจะมีน้ำยาให้ล้างมือก่อน เข้าไปส่วนแรกจะเป็นปูปลาสดๆ ในบ่อ
ถัดไปอีกส่วนจะเป็นเคาท์เตอร์ร้านต่างๆ สามารถสั่งอาหารกับเชฟได้ เดินไปเรื่อยๆ จะเป็นส่วนที่ขายอาหารที่แพ็คไว้แล้ว มีทั้งผลไม้ ขนม และปลาดิบ
อยากกินอะไรก็หยิบๆ และไปจ่ายตังค์ ตรงทางก่อนออกจะมีตะเกียบ ช้อน ส้อมพลาสติก และหลอดให้
ออกไปด้านนอกก็มองหาจับจองที่กินมีทั้งโต๊ะให้ยืน หรือออกไปข้างนอกเลยจะมีที่นั่ง ถ้าจะกลับเข้าไปอีกรอบ ต้องไปวนเข้าประตูเดิมนะคะ
จากที่นี่เราชวนกันไปเดินย่าย Fujin เป็นย่านฮิปๆที่ใหม่ ที่เปิดคาเฟ่แฝงตัวอยู่ตามที่พักอาศัยและเป็นโซนที่ยังเต็มไปด้วยต้นไม้
เหมือนเดิมตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะนั่งแท็กซี่ไป แต่สุดท้ายก็ไปรถเมล์เช่นเคย
ลองเปิด Google ดูรถเมล์สาย R50 นั่งต่อไปแถวๆ ย่านนั้นได้ เลยกลับไปรอที่ป้ายรถเมล์เดิม แต่รถสายนี้จะรอนานหน่อยนะคะ ถ้ารีบไม่แนะนำ
แต่เรายังชิวๆ ก็นั่งรอไปเรื่อยๆ
จากป้ายที่เราอยู่ปัจจุบันนั่งไปลงป้ายที่ใส่ดาวไว้ คือป้าย Minquan Park หรือจำอีกอย่างก็คือป้ายถัดจากป้าย China Airline
จากป้ายรถเมล์ที่เราลง เราสามารถเดินลัดสวนมาเที่ยวย่าน Fujin ได้เลย
ร้านแนะนำของที่นี่จะเป็นร้าน FujinTree 355 เป็นร้านคาเฟ่น่ารักๆ
บรรยากาศแถวนี้จะเงียบสงบและเต็มไปด้วยต้นไม้ มีร้านน่ารักๆ แทรกอยู่เรื่อยๆ
ส่วนร้านที่เราเลือกมาแวะคือร้าน Curry to Go เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากนอกจากความติ่ง ถ้าใครเคยดู ISWAK ตรงนี้ร้านเดิมเคยเป็นร้านที่ใช้ถ่ายเป็นร้านของพ่อนางเอก แต่ตอนนี้ร้านเก่าปิดไปแล้ว มีร้านนี้มาเปิดแทน แต่เอาน่าถือว่าจุดเดิมละกัน
ร้านนี้มีข้าวแกงกะหรี่แนะนำนะคะะ เหมือนจะเป็นเครือเดียวกับร้าน Fujin 355 แต่เรากินของคาวกันมาแล้ว มาที่นี่เลยแค่สั่งเค้กกับน้ำเฉยๆ นั่งรับบรรยากาศ เสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้ชิมแกงกระหรี่
จากตรงนี้เเป้าหมายต่อไปคือ Huashan Creative Park ค่ะ แต่เนื่องจากเห็นว่ามันสามารถแว้บไปดูตู้ไปรษณีย์คู่ที่เอียงจากพายุเมื่อปีก่อนได้ เลยชะแว้บไปซักหน่อย เราไปโดยรถเมล์เช่นเคยค่ะ เนื่องจากแท็กซี่น้อยมากแถวนี้ แถมรถเมล์ที่นี่ก็นั่งง่าย ง่ายกว่าที่ไทยอีกเราเลยนั่งรถเมล์กันรัวๆ
การเดินทาง MRT สายสีแดง (หมายเลข 2) Tamsui-Xiny Line ลงสถานี Yuanshan Station ทางออก 1
เมื่อออกทางทางออก 1 หันออกทางซ้ายมือเดินตัดสวน Yuanshan Park ข้ามถนน หันซ้ายเดินเลียบถนนตรงไป จะเห็นตึกสีขาวทรงกล่องอยู่ทางขวามือ เดินตามป้ายไปยังประตูทางเข้า เดินข้ามสะพานนี้ แล้วก็เดินต่ออีกหน่อย
Taipei Fine Art Meseum จะผลัดเปลี่ยนจัดผลงานนิทรรศกาลต่างๆ ไปเรื่อยๆ สามารถเข้าไปเช็คได้ที่ http://www.tfam.museum/?ddlLang=en-us
สำหรับเวลาทำการของ Taipei Art Museum คือ 9.30 น. - 17.30 น. ยกเว้นวันเสาร์เปิดถึง 20.30 น. ปิดวันจันทร์
สำหรับค่าเข้าชม คนละ 30 NT สามารถจ่ายได้ทั้งเงินสด หรือบัตร Easy Card
ซื้อบัตรเสร็จก็เข้าไปชมทรรศการได้เลย ช่วงที่ไปเป็นการแสดงนวัตกรรมความคิดสร้างสรรผลงานแบบคิดนอกกรอบ
ตั้งแต่ด้านหน้าอาคารก็ลองเอาสนามเด็กเล่นหน้าตาแปลกๆ มาวางให้เด็กๆ ปีนเล่นกัน ด้านในจะโชว์ผลงานการสร้างสิ่งต่างๆ ด้วยความคิดสร้างสรรค์และใช้ประโยชน์ได้จริง
นอกจากนี้ยังมีอีกห้องเป็นห้องอ่านหนังสือ โดยจัดหนังสือดีๆ มารวมให้อ่าน ใครชอบประโยคเด็ดจากหนังสือเล่มไหนก็เขียนมาแชร์กันบนบอร์ด แต่เราไม่มีส่วนร่วมเพราภาษาจีนหมดเลย
หลังจากนี้เราจะไปกินข้าวกลางวันกันที่ตลาดปลาไทเป หรือ Addition Aquatic Development
จาก Taipei Fine Art Museum เดินกลับไปยังสถานี Yuanshan ให้สถานีอยู่ทางขวามือหันซ้ายเราจะเจอกับป้ายรถเมล์
รถเมล์สาย R50 จะเป็นจ่ายเงินตอนลงนะคะ ขึ้นมาหาที่นั่งตอนลงก็เอา easy card แตะที่แป้นเป็นอันเรียบร้อย จะลงป้ายไหนก็กดกริ่งค่ะ
จากป้ายรถเมล์เดินตรงไปอีกหน่อยเพื่อข้ามถนน แล้วเดินต่อไปทางด้านซ้ายมือเจอ 7-11 ให้เลี้ยวขวาจะเห็นอาคารสีฟ้าๆ เดินไปเลี้ยวซ้ายหน้าอาคารนั้น เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึง Addition Aquatic Development ที่นี่จะเข้าทางเดียวออกทางเดียว ตรงทางเข้าจะมีน้ำยาให้ล้างมือก่อน เข้าไปส่วนแรกจะเป็นปูปลาสดๆ ในบ่อ
ถัดไปอีกส่วนจะเป็นเคาท์เตอร์ร้านต่างๆ สามารถสั่งอาหารกับเชฟได้ เดินไปเรื่อยๆ จะเป็นส่วนที่ขายอาหารที่แพ็คไว้แล้ว มีทั้งผลไม้ ขนม และปลาดิบ
อยากกินอะไรก็หยิบๆ และไปจ่ายตังค์ ตรงทางก่อนออกจะมีตะเกียบ ช้อน ส้อมพลาสติก และหลอดให้
ออกไปด้านนอกก็มองหาจับจองที่กินมีทั้งโต๊ะให้ยืน หรือออกไปข้างนอกเลยจะมีที่นั่ง ถ้าจะกลับเข้าไปอีกรอบ ต้องไปวนเข้าประตูเดิมนะคะ
จากที่นี่เราชวนกันไปเดินย่าย Fujin เป็นย่านฮิปๆที่ใหม่ ที่เปิดคาเฟ่แฝงตัวอยู่ตามที่พักอาศัยและเป็นโซนที่ยังเต็มไปด้วยต้นไม้
เหมือนเดิมตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะนั่งแท็กซี่ไป แต่สุดท้ายก็ไปรถเมล์เช่นเคย
ลองเปิด Google ดูรถเมล์สาย R50 นั่งต่อไปแถวๆ ย่านนั้นได้ เลยกลับไปรอที่ป้ายรถเมล์เดิม แต่รถสายนี้จะรอนานหน่อยนะคะ ถ้ารีบไม่แนะนำ
แต่เรายังชิวๆ ก็นั่งรอไปเรื่อยๆ
จากป้ายที่เราอยู่ปัจจุบันนั่งไปลงป้ายที่ใส่ดาวไว้ คือป้าย Minquan Park หรือจำอีกอย่างก็คือป้ายถัดจากป้าย China Airline
จากป้ายรถเมล์ที่เราลง เราสามารถเดินลัดสวนมาเที่ยวย่าน Fujin ได้เลย
ร้านแนะนำของที่นี่จะเป็นร้าน FujinTree 355 เป็นร้านคาเฟ่น่ารักๆ
บรรยากาศแถวนี้จะเงียบสงบและเต็มไปด้วยต้นไม้ มีร้านน่ารักๆ แทรกอยู่เรื่อยๆ
ส่วนร้านที่เราเลือกมาแวะคือร้าน Curry to Go เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากนอกจากความติ่ง ถ้าใครเคยดู ISWAK ตรงนี้ร้านเดิมเคยเป็นร้านที่ใช้ถ่ายเป็นร้านของพ่อนางเอก แต่ตอนนี้ร้านเก่าปิดไปแล้ว มีร้านนี้มาเปิดแทน แต่เอาน่าถือว่าจุดเดิมละกัน
ร้านนี้มีข้าวแกงกะหรี่แนะนำนะคะะ เหมือนจะเป็นเครือเดียวกับร้าน Fujin 355 แต่เรากินของคาวกันมาแล้ว มาที่นี่เลยแค่สั่งเค้กกับน้ำเฉยๆ นั่งรับบรรยากาศ เสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้ชิมแกงกระหรี่
จากตรงนี้เเป้าหมายต่อไปคือ Huashan Creative Park ค่ะ แต่เนื่องจากเห็นว่ามันสามารถแว้บไปดูตู้ไปรษณีย์คู่ที่เอียงจากพายุเมื่อปีก่อนได้ เลยชะแว้บไปซักหน่อย เราไปโดยรถเมล์เช่นเคยค่ะ เนื่องจากแท็กซี่น้อยมากแถวนี้ แถมรถเมล์ที่นี่ก็นั่งง่าย ง่ายกว่าที่ไทยอีกเราเลยนั่งรถเมล์กันรัวๆ
จากร้านที่เรานั่งเดินตรงต่อออกมาถนนใหญ่ เส้น Section 5, Minsheng East Road หาป้ายรถเมล์ค่ะ
เรามาแบบไม่รู้ว่ารถไหนไปไหนบ้าง ดูกันสดๆ ที่ป้ายค่ะ ที่ป้ายรถเมล์จะมีผังสายรถแบบนี้ติดอยู่ถ้าน้อยสายก็เป็นตารางแปะอยู่กับป้าย ถ้าเยอะหน่อยก็จะอยู่เป็นเสา ให้เราหมุนๆ ดู ป้ายที่เราอยู่คือป้ายที่มีลูกศรสีแดง แล้วก็จะมีทิศบอกว่าจากตรงนี้วิ่งไปป้ายไหนต่อ จะได้ขึ้นรถถูกฝั่งนะคะ
เราใช้หาป้ายที่พอจะไปสถานี MRT ได้ ก็เลยเลือกไปลงป้าย Zhongshan Junior High School Station
จากสถานี Zhongshan Junior High School Station เรานั่งไปลงสถานี Nanjing Fuxing Station เพื่อเดินไปเยี่ยมตู้ไปรษณีย์กันค่ะ
จากสถานีนี้เดินไปที่ตู้ไปรษณีย์ สามารถขึ้นได้ทั้งจากทางออก 7 ข้ามถนนมาทางทางออก 8 หรือจากทางออก 8 แล้วหันหลังกลับ หรือจะทางออกสองแล้วข้ามถนนก็ได้ค่ะ (ทางออก 8 จะฝั่งเดียวกับทางที่จะไปแต่เดินข้างล่างไกลพอดู เลยให้ทางเลือก 7 กับ 2 มาด้วย)
เดินไปเรื่อยๆจนเจอตึก China Airline เลี้ยวขวาเข้าไปจะเห็นป้าย 7-11 ตู้ไปรษณีย์ตั้งอยู่หน้าเซเว่นค่ะ
คราวนี้ก็จะไป Huashan 1914 Creative Park จริงๆ กันซักที เดินกลับไปที่สถานี MRT Nanjing Fuxing Station สายสีน้ำตาลไปเปลี่ยนเป็นสายสีน้ำเงินที่สถานี Zhongxiao Fuxing Station และลงที่สถานี Zhongxiao Xinsheng ค่ะ
จากสถานี Zhongxiao Xinsheng ออกทางออก 1 และเดินตรงก็จะถึงเลย
ที่ Huashan 1914 Creative Park นี้มีหลายโซนให้ชม ช่วงที่ไปยังตรงกับงานประกวดแข่งขันโชว์ความสามารถ ที่นี่ยังมีจัดโชว์นิทรรศการ มีที่ให้ครอบครัวมานั่งพักผ่อน และมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูป หลายๆ คนน่าจะติดใจที่นี่ทีเดียว
จาก Huashan 1914 Creative Park เราไปชมเมืองของศิลปินอีกที่ที่ Treature Hill Artist Village
จาก Zhongxiao Xinsheng เปลี่ยนเป็นสายสีเขียวที่สถานี Ximen ไปลงสถานี Gongguan สายสีเขียว (สายหมายเลข 3)
ให้ออกตรงทางออก 1 แล้วเลี้ยวขวา เจอซอยแรกก็เลี้ยวขวาเข้าไป เลี้ยวซ้ายแล้วเดินตรงจนเจอลานจอดรถ ให้เลี้ยวเข้าซอยข้างลานจอดรถ เดินไปอีกพักก็จะถึง Treature Hill Artist Village
จากทางเดินถ้าหันกลับมาจะเห็นอาคารแบบนี้ สวยงาม
กำแพงระหว่างทางเดินไปหมู่บ้านจะวาดรูปไว้ตลอดแนว แม้แต่แผนที่หมู่บ้านก็เป็นภาพวาดเช่นกัน น่ารักมาก
ข้างหน้าด้านขวาจะเป็นวัด Treasure Hill Temple สามารถเดินเข้าหมู่บ้านทางนี้ก็ได้ หรือเดินลงข้างล่างไปชมวิวหมู่บ้านจากด้านล่างก่อนก็ได้เหมือนกัน
ที่นี่เป็นหมู่บ้านที่เป็นที่พักอาศัยจริงๆ และมีแกลลอรี่เปิดแทรกตัวอยู่ มีการจัดงานแสดงซึ่งจะมีบอกไว้ในแผ่นพับว่าที่หลังไหนจัดแสดงอะไร มีดนตรี มีร้านอาหาร ถ้ามาช่วงเย็นหลายๆ จุดจะปิดแล้ว แต่ก็สามารถเดินชมตัวหมู่บ้านได้ เพราะทุกจุดแอบมีศิลปะแทรกอยู่ตลอดทาง
และไหนๆ เราอยู่ก็ที่ Gongguan แล้วที่นี่เป็น Night Market ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่ง เดินหาของกินกันได้ตามอัธยาศัย ที่นี่มีร้านนั่งแฮงเอาท์ได้อยู่นะคะ อาจจะเพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ร้านรองเท้ายี่ห้อดังๆ ก็รวมตัวกันอยู่ที่นี่
สำหรับคนที่จะมาซื้อกระเป๋า Kanken ของแท้ราคาไม่สูงก็มาที่ร้าน Rockland ที่นี่ได้เหมือนกัน
และสำหรับสิ่งที่ขาดไม่ได้ถ้ามาตลาดนี้คือนมไข่มุกอาแปะค่ะ หวานเข้มข้นอร่อยมาก เป็นที่สุดของทริป ถึงแถวจะยาวต่อจนวนๆวนมาหน้าร้านอยู่หลายรอบแต่รอไม่นาน แนะนำจริงๆ
ปิดท้ายมือค่ำของวันนี้ ตอนแรกจะกิน Mala Hotpot กันที่สาขากงกวนเลย แต่ด้วยความยังไม่หิวมาก เลยตกลงกลับไปพักผ่อน วางสัมภาระกันที่โรงแรมก่อนค่อยออกมาหาอะไรกินกันอีกที
ที่พักเราอยู่ที่ Go Sleep Hankou เดินออกมานิดเดียวเราจะเจอร้าน Mala Hotpot สาขาที่เปิดใหม่เป็นร้านที่สองของ Ximending แต่ตอนแรกเราตั้งใจว่าเดินไปดูสาขาเก่ากันก่อนดีกว่า ซึ่งขึ้นชื่อว่าคนเยอะมาก แต่อยากไปให้เห็นกับตา ฮ่าๆ ปรากฎเดินขึ้นไปชั้นสองคนยังรอกันเต็ม สรุปก็เดินกลับมากินที่สาขาใกล้ที่พักแทน
ที่สาขาใหม่นี่ไม่ต้องรอคิว ที่เยอะมาก แต่ราคาก็จะแพงกว่านะคะ แลกกับความสบาย
บุฟเฟ่ที่นี่จะมีซุปให้สองแบบแบบซุปหมาล่ากับซุปใส เลือกเนื้อสัตว์ต่างๆ จากเมนูและติ๊กลงกระดาษ แล้วเรียกพนักงานมารับออเดอร์ ส่วนน้ำจิ้ม ของหวาน น้ำ อื่นๆ ลุกไปตักเองได้เลยค่ะ
ถ้าไปไทเปยังไงต้องลองเลือกร้านชาบู หรือ hot pot ซักร้านเพื่อลองชิมนะคะ อร่อยจริงๆ
จบคืนนี้ด้วยความอิ่มตื้อ พอใกล้ครบเวลาพนักงานจะเดินมาคิดเงินที่โต๊ะ โดยเดินไล่วางบิล แล้วก็จะวนกลับมาเก็บเงินอีกทีค่ะ
อิ่มอร่อยข้ามถนนกลับไปนอน พร้อมลุยต่อวันรุ่งขึ้น
วันที่สาม
ที่แรกของวันที่สามนั่งรถ MRT สายสีแดงไปสุดสายที่สถานี Danshui หรือ Tamsui เดินเที่ยวเมืองตั้นสุยกันค่ะ หน้าตาของสถานีนี้เป็นสถานีอิฐแดงสวยงาม
เราจะใช้วิธีเดินเที่ยวออกทางทางออก 1 นะคะ ถ้าจะนั่งรถเมล์ออกทางออก 2 ค่ะ
แพลนการเดินคร่าวๆ ของเรา คือ เดินเส้น Old Street ไปชมโบสถ์ตั้นสุย และยาวๆ ไปจนถึง Fort San Domingo หรือใครจะเลือกเดินเส้นริมน้ำก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบนะคะ
Gongmin Street คือเส้นที่เป็น Old Street มีร้านขายของที่ระลึก ร้านขายของฝาก และของกินทั้งหลาย หาซื้อได้จากเส้นนี้ค่ะ พวกไข่เหล็ก ขนมไข่เจ้าดังๆ แต่เรามาตอนเช้า ยังเงียบสงบ เดินไปเรื่อยๆ จนถึงแยกรูปปั้น Dr.Mackay เป็นสวนเล็กๆ ให้นั่งพักผ่อนได้
เราเลือกเดินขึ้นซอยเล็กๆ เพื่อไปถ่ายรูป Tamsui Church ค่ะ
จากนั้นเราก็เดินลงกลับมาชมริมน้ำต่อไปเรื่อยๆ
ข้างหน้าจะเป็น Tamsui Customs Wharf ทางขวามือจะเป็น Fort San Domingo ที่เราตั้งใจมา
ข้ามถนนเดินขึ้นไปชม Fort San Domingo ที่นี่เป็นป้อมอิฐแดงที่ถูกสร้างเป็นหอสังเกตการณ์ในอดีต แต่ตอนไปกำลังปิดซ่อมบำรุง
เลยเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์แทน ซึ่งที่นี่แต่ก่อนเป็นบ้านกงสุลอังกฤษ
ภายในจัดนิทรรศการ การครองชีวิตคู่ในยืนยาว มีหลายๆ ห้อง เน้นนู่นนี่เกี่ยวกับความรัก ทั้งห้องที่ให้เขียนบอกรักกันแล้วไปแขวนไว้ ห้อง 100 วิธีแสดงความรัก
และกำแพงไว้ระบายความรัก Every man is a poet when he is in love
ออกจากพิพิธภัณฑ์ข้างๆ กันเป็น Tamsui Oxford Collage ค่ะ
จากตรงนี้แต่แรกตั้งใจว่าจะเดินกลับไปนั่งเรือเพื่อไป Fisherman's Wharf เพื่อชมสะพานคู่รัก แต่ว่าเราเดินชมตรงจุดนี้อยู่นานเริ่มเหนื่อย ก็เลยเลือกนั่งรถเมล์ดีกว่า ไม่ว่าตั้งใจจะเดินทางด้วยอะไร สุดท้ายจบด้วยรถเมล์ตลอด ก็ของเขาขึ้นง่ายนี่นะ
รอรถเมล์ตรงป้ายตามในแผนที่ รถสาย R26 สายนี้ใช้วิธีจ่ายเงินตอนขึ้นนะคะ รถจะเปิดให้ขึ้นประตูหน้า แตะบัตร Easy Card เป็นอันเรียบร้อย
นั่งยาวๆ ไปสนสุดสายที่ป้าย Fisherman's Wharf
ที่นี่ตอนสายๆ ร้อนมากทีเดียว ถ้าอยากชิวๆ แนะนำมาเดินเล่นตอนเย็นๆ นะคะ
ระหว่างทางลงรถเมล์ก็เดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ และที่นี่ก็มี Love Lock นะคะ
ขากลับไปนั่งรอรถเมล์ที่ป้าย Fish Market รอรถที่จะกลับไปสถานี MRT ตรงป้ายนี้จะมีทั้งรถขามาและรถขากลับนะคะ รอดูไฟที่หน้ารอว่าเป็นสายมาจาก MRT หรือสายกลับไป MRT พอรถมาก็เช่นเคย แตะบัตร Easy Card ตอนขึ้นนั่งยาวๆ ไปลงที่สถานี MRT ได้เลย
จากตั้นสุย นั่งรถ MRT สายสีแดงย้อนกลับไปที่สถานี Beitou แล้วเปลี่ยนสายเป็นสายสีชมพูอ่อนไปสถานี Xinbeitou เที่ยวเมืองน้ำพุร้อน ที่เป่ยโถวเป็นเมืองที่มีบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ น้ำในลำธารที่ไหลอยู่ตามข้างทางเป็นน้ำจากบ่อน้ำพุร้อน ที่นี่มีที่เที่ยวให้แวะชมได้หลายที่ เมื่อออกจากสถานีซึ่งมีแค่ทางออกเดียว ข้ามถนนแล้วเดินเข้าสวนได้เลยค่ะ
ทะลุสวนเข้าไปเราจะเจอห้องสมุด Taipei Public Library (Beitou) เป็นลำดับแรกที่นี่เป็นห้องสมุดที่สวยติด 1 ใน 25 ห้องสมุดที่สวยที่สุดในโลก
ถัดจากห้องสมุดจะเป็น Beitou Hot Sprint Museum เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเมืองนี้ สามารถเข้าไปชมกันได้
จากตรงนี้เดินต่อไปจะผ่าน Millenmium Hot Spring จะเป็นบ่อน้ำพุร้อนสาธารณะกลางแจ้ง เป็นบ่อแบบรวม ให้ใส่ชุดว่ายน้ำลงค่าเข้าก็ 40 NT ค่ะ
ข้างๆ กันนคือ Plum Garden ที่นี่เคยเป็นที่พักฤดูร้อนของอดีตประธานาธิบดี บ้านอิฐแดงข้างในเป็นสไตล์ญี่ปุ่น ใครสนใจสามารถเข้าไปชมได้
ระหว่างนี้ก็เดินชมธรรมชาติในสวน เดินเลียบถนนหรือเลาะทางเดินริมลำธารตรงไปเรื่อยๆ ก็ได้ เพื่อไปจุดหมายคือบ่อน้ำพุร้อนยักษ์
ทางไป Beitou Thermal Valley ร่มรื่นตลอดทาง แต่ก็มีไอร้อนบ้างจากลำธารน้ำพุร้อนด้านข้าง
เมื่อมาถึงจะพบกับบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่สีเขียวมรกต ไอน้ำพุ่งอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเวลามีลมพัดมายิ่งลอยสูงทีเดียว
กับสองที่ที่ผ่านมาเราหมดเวลาไปที่ละครึ่งวัน ตกเย็นเลยกลับเข้าเมืองยังมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อย เลยเลือกไปชมภาพวาดของ Jimmy Liao อีกหนึ่งที่ คือภาพวาดผนังสถานีรถไฟฟ้า MRT Nanang Station
แค่ออกจากขบวนรถไฟมาก็จะเห็นภาพวาดอยู่ทั้งสองฝั่ง
โดยภาพวาดนี้เป็นภาพส่วนหนึ่งจากผลงานเรื่อง The Sound of Colors เรื่องราวของเด็กสาวตาบอดที่ออกเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน ไปยังที่ต่างๆ ตามจินตนาการ
ภาพวาดนอกจากในตัวชานชลา ด้านนอกชานชลา และบันไดทางออกก็มีรูปวาดเช่นกัน
ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการถ่ายรูปตึก 101 อีกมุมหนึ่งค่ะ
จาก Nangang Station เรานั่งรถสายสีน้ำเงินย้อนมาลงสถานี Taipei City Hall ย่านนี้เป็นย่านศูนย์การค้าและตึกสำนักงาน อลังการสวยงามมีความเป็นซิตี้สูงมาก จะเดินช้อปปิ้งช้อปดังๆ หรือเดินถ่ายรูปตึกสวยๆ ก็ได้นะคะ
จากสถานี MRT ออกทางออกสามออกจากสถานีแล้วเลี้ยวขวาเดินตามทางเดินมาเรื่อยๆ ทะลุผ่านช้อปต่างๆ ที่นี่ตอนเย็นๆ มีคนมาเปิดหมวกเล่นดนตรีโชว์ด้วยนะคะ จากนั้นเลี้ยวซ้ายแล้วเลี้ยวขวาเดินไปตามถนน Songren ตรงไปเรื่อยๆ จนถึง Cathay United Bank ตรงนี้คือจุดถ่ายรูปไทเป 101 อีกจุดที่นิยมโดยเฉพาตอนกลางคืนค่ะ
ทิ้งท้ายทริปไทเปครั้งนี้ไว้ด้วยภาพ Taipei 101 แล้วหวังว่าเราจะพบกันใหม่
#whenigo
FB : https://www.facebook.com/whenigoto/
แพลนการเดินคร่าวๆ ของเรา คือ เดินเส้น Old Street ไปชมโบสถ์ตั้นสุย และยาวๆ ไปจนถึง Fort San Domingo หรือใครจะเลือกเดินเส้นริมน้ำก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบนะคะ
Gongmin Street คือเส้นที่เป็น Old Street มีร้านขายของที่ระลึก ร้านขายของฝาก และของกินทั้งหลาย หาซื้อได้จากเส้นนี้ค่ะ พวกไข่เหล็ก ขนมไข่เจ้าดังๆ แต่เรามาตอนเช้า ยังเงียบสงบ เดินไปเรื่อยๆ จนถึงแยกรูปปั้น Dr.Mackay เป็นสวนเล็กๆ ให้นั่งพักผ่อนได้
เราเลือกเดินขึ้นซอยเล็กๆ เพื่อไปถ่ายรูป Tamsui Church ค่ะ
ข้างหน้าจะเป็น Tamsui Customs Wharf ทางขวามือจะเป็น Fort San Domingo ที่เราตั้งใจมา
ข้ามถนนเดินขึ้นไปชม Fort San Domingo ที่นี่เป็นป้อมอิฐแดงที่ถูกสร้างเป็นหอสังเกตการณ์ในอดีต แต่ตอนไปกำลังปิดซ่อมบำรุง
เลยเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์แทน ซึ่งที่นี่แต่ก่อนเป็นบ้านกงสุลอังกฤษ
ภายในจัดนิทรรศการ การครองชีวิตคู่ในยืนยาว มีหลายๆ ห้อง เน้นนู่นนี่เกี่ยวกับความรัก ทั้งห้องที่ให้เขียนบอกรักกันแล้วไปแขวนไว้ ห้อง 100 วิธีแสดงความรัก
และกำแพงไว้ระบายความรัก Every man is a poet when he is in love
ออกจากพิพิธภัณฑ์ข้างๆ กันเป็น Tamsui Oxford Collage ค่ะ
จากตรงนี้แต่แรกตั้งใจว่าจะเดินกลับไปนั่งเรือเพื่อไป Fisherman's Wharf เพื่อชมสะพานคู่รัก แต่ว่าเราเดินชมตรงจุดนี้อยู่นานเริ่มเหนื่อย ก็เลยเลือกนั่งรถเมล์ดีกว่า ไม่ว่าตั้งใจจะเดินทางด้วยอะไร สุดท้ายจบด้วยรถเมล์ตลอด ก็ของเขาขึ้นง่ายนี่นะ
รอรถเมล์ตรงป้ายตามในแผนที่ รถสาย R26 สายนี้ใช้วิธีจ่ายเงินตอนขึ้นนะคะ รถจะเปิดให้ขึ้นประตูหน้า แตะบัตร Easy Card เป็นอันเรียบร้อย
นั่งยาวๆ ไปสนสุดสายที่ป้าย Fisherman's Wharf
ที่นี่ตอนสายๆ ร้อนมากทีเดียว ถ้าอยากชิวๆ แนะนำมาเดินเล่นตอนเย็นๆ นะคะ
ระหว่างทางลงรถเมล์ก็เดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ และที่นี่ก็มี Love Lock นะคะ
ขากลับไปนั่งรอรถเมล์ที่ป้าย Fish Market รอรถที่จะกลับไปสถานี MRT ตรงป้ายนี้จะมีทั้งรถขามาและรถขากลับนะคะ รอดูไฟที่หน้ารอว่าเป็นสายมาจาก MRT หรือสายกลับไป MRT พอรถมาก็เช่นเคย แตะบัตร Easy Card ตอนขึ้นนั่งยาวๆ ไปลงที่สถานี MRT ได้เลย
จากตั้นสุย นั่งรถ MRT สายสีแดงย้อนกลับไปที่สถานี Beitou แล้วเปลี่ยนสายเป็นสายสีชมพูอ่อนไปสถานี Xinbeitou เที่ยวเมืองน้ำพุร้อน ที่เป่ยโถวเป็นเมืองที่มีบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ น้ำในลำธารที่ไหลอยู่ตามข้างทางเป็นน้ำจากบ่อน้ำพุร้อน ที่นี่มีที่เที่ยวให้แวะชมได้หลายที่ เมื่อออกจากสถานีซึ่งมีแค่ทางออกเดียว ข้ามถนนแล้วเดินเข้าสวนได้เลยค่ะ
ทะลุสวนเข้าไปเราจะเจอห้องสมุด Taipei Public Library (Beitou) เป็นลำดับแรกที่นี่เป็นห้องสมุดที่สวยติด 1 ใน 25 ห้องสมุดที่สวยที่สุดในโลก
ถัดจากห้องสมุดจะเป็น Beitou Hot Sprint Museum เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเมืองนี้ สามารถเข้าไปชมกันได้
จากตรงนี้เดินต่อไปจะผ่าน Millenmium Hot Spring จะเป็นบ่อน้ำพุร้อนสาธารณะกลางแจ้ง เป็นบ่อแบบรวม ให้ใส่ชุดว่ายน้ำลงค่าเข้าก็ 40 NT ค่ะ
ข้างๆ กันนคือ Plum Garden ที่นี่เคยเป็นที่พักฤดูร้อนของอดีตประธานาธิบดี บ้านอิฐแดงข้างในเป็นสไตล์ญี่ปุ่น ใครสนใจสามารถเข้าไปชมได้
ระหว่างนี้ก็เดินชมธรรมชาติในสวน เดินเลียบถนนหรือเลาะทางเดินริมลำธารตรงไปเรื่อยๆ ก็ได้ เพื่อไปจุดหมายคือบ่อน้ำพุร้อนยักษ์
ทางไป Beitou Thermal Valley ร่มรื่นตลอดทาง แต่ก็มีไอร้อนบ้างจากลำธารน้ำพุร้อนด้านข้าง
เมื่อมาถึงจะพบกับบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่สีเขียวมรกต ไอน้ำพุ่งอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเวลามีลมพัดมายิ่งลอยสูงทีเดียว
กับสองที่ที่ผ่านมาเราหมดเวลาไปที่ละครึ่งวัน ตกเย็นเลยกลับเข้าเมืองยังมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อย เลยเลือกไปชมภาพวาดของ Jimmy Liao อีกหนึ่งที่ คือภาพวาดผนังสถานีรถไฟฟ้า MRT Nanang Station
แค่ออกจากขบวนรถไฟมาก็จะเห็นภาพวาดอยู่ทั้งสองฝั่ง
โดยภาพวาดนี้เป็นภาพส่วนหนึ่งจากผลงานเรื่อง The Sound of Colors เรื่องราวของเด็กสาวตาบอดที่ออกเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน ไปยังที่ต่างๆ ตามจินตนาการ
ภาพวาดนอกจากในตัวชานชลา ด้านนอกชานชลา และบันไดทางออกก็มีรูปวาดเช่นกัน
ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการถ่ายรูปตึก 101 อีกมุมหนึ่งค่ะ
จาก Nangang Station เรานั่งรถสายสีน้ำเงินย้อนมาลงสถานี Taipei City Hall ย่านนี้เป็นย่านศูนย์การค้าและตึกสำนักงาน อลังการสวยงามมีความเป็นซิตี้สูงมาก จะเดินช้อปปิ้งช้อปดังๆ หรือเดินถ่ายรูปตึกสวยๆ ก็ได้นะคะ
จากสถานี MRT ออกทางออกสามออกจากสถานีแล้วเลี้ยวขวาเดินตามทางเดินมาเรื่อยๆ ทะลุผ่านช้อปต่างๆ ที่นี่ตอนเย็นๆ มีคนมาเปิดหมวกเล่นดนตรีโชว์ด้วยนะคะ จากนั้นเลี้ยวซ้ายแล้วเลี้ยวขวาเดินไปตามถนน Songren ตรงไปเรื่อยๆ จนถึง Cathay United Bank ตรงนี้คือจุดถ่ายรูปไทเป 101 อีกจุดที่นิยมโดยเฉพาตอนกลางคืนค่ะ
ทิ้งท้ายทริปไทเปครั้งนี้ไว้ด้วยภาพ Taipei 101 แล้วหวังว่าเราจะพบกันใหม่
#whenigo
FB : https://www.facebook.com/whenigoto/
0 ความคิดเห็น