หนีร้อน ไปเที่ยวเมืองร้อน ตามล่าหาสตรีทอาร์ทที่ปีนัง

by - กันยายน 01, 2559







หนีร้อน ไปเที่ยวเมืองร้อน ตามล่าหาสตรีทอาร์ทที่ปีนัง


ปีนังรัฐหนึ่งในประเทศมาเลเชียบ้านใกล้เรือนเคียงของเรา เมืองเอกของรัฐปีนัง คือ จอร์จทาวน์ 
ซึ่งที่นี่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม เมืองจอร์จทาวน์จึงยังเป็นเมืองที่ยังคงสภาพเมืองแบบเก่าให้ชมความงามของอาคาร สไตล์ชิโน-โปรตุกีส สถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก

ปีนังนอกจากเมืองเก่า ก็ยังมีธรรมชาติทั้งทะเล และภูเขาให้เที่ยวชม

ถ้าพูดถึงปีนัง แต่ก่อนจะนึกถึงที่เรียนหนังสือของผู้ดีเก่าในอดีต นิยายเรื่องไหนก็ส่งลูกหลานไปเรียนปีนัง ปีนังมีอะไรทำไมต้องปีนังก็ยังฝังใจมาจนปัจจุบัน
พอมาพูดถึงปีนังยุคนี้ ก็หนีไปพ้น Street Art ทั่วเมืองจอร์จทาวน์ และเราก็สายเก็บ Street Art จึงไม่รอช้า เอาความอยากในอดีต บวกความฮิปในปัจจุบัน เรามาเดินทางไปปีนังกันดีกว่า


การเดินทางสู่ปีนัง

เราเลือกใช้การเดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงเทพฯ สู่หาดใหญ่ 
เที่ยวบิน 6.40 น. ถึงสนามบินหาดใหญ่เวลา 8.00 น.

นั่งแท็กซี่จากสนามบินหาดใหญ่ไปลงโรงแรมอโลฮ่า ตรงข้ามบริษัท K.S.T. 
(คิวรถแท็กซี่อยู่ด้านหน้าอาคารสนามบิน จริงๆ สามารถนั่งสองแถวเข้าเมืองก็ได้ แต่เนื่องจากเป็นเช้าวันศุกร์เรากลัวรถติด และหิวข้าวด้วยเลยนั่งแท็กซี่ไปเลย)

ถึงบริษัท K.S.T ซึ่งเราจองรถไว้ล่วงหน้าแล้วเที่ยว 9.30 น. (ราคารถตอนนี้ราคาขึ้นจากแต่ก่อนเนื่องจากรวมประกันการเดินทางเช็คได้จากเว็บไซต์ http://www.ksttravelthailand.com/)

เอาพาสปอร์ตให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อให้เขากรอกใบขาเข้าและขาออกให้ ระหว่างรอก็ไปหาข้าวเช้ากินกัน
9.20 น. กลับมานั่งรอรถ ซึ่งของเราได้เป็นรถฟอร์จูนเนอร์ แยกกับกลุ่มรถตู้ค่ะ โดยรถเราแวะไปรับสมาชิกอีก 3 คน รวมเป็น 6 คน ได้เป็นรถฟอร์จูนเนอร์ก็คล่องตัวดีด้วย โชคดีไป

วันนั้นใช้การเดินทางออกจากด่านท่าประกอบ เนื่องจากคนขับบอกว่าวันนี้ที่ด่านสะเดาจะคนเยอะ
ลงไปตรวจคนเข้าเมืองปั๊มตราเรียบร้อย ก็เดินทางเข้าสู่ประเทศมาเลเซีย
เดินทางราวๆ 4 ชั่วโมงก็ถึงจอร์จทาวน์



รถตู้จะพาเราไปส่งถึงหน้าโรงแรมเลย โดยโรงแรมของเราคือ Inn Residence 18
สำหรับรายชื่อโรงแรมที่รถตู้ไปรับไปส่งสามารถเช็คได้จากหน้าเว็บเช่นกันค่ะ น่าจะส่งเกือบครบทุกโรงแรมในจอร์จทาวน์ 
ส่วนขากลับรถตู้ก็จะมารับที่หน้าโรงแรมเลยเหมือนกันค่ะ

ถึงปีนังตามเวลาท้องถิ่นประมาณบ่ายสองโมงกว่าๆ เป็นเวลาเช็คอินได้พอดี 

ตอนเช็คอินสำหรับโรงแรมที่ปีนังจะมีการเก็บภาษีท้องถิ่นนอกเหนือจากค่าโรงแรมที่เราจ่ายไปแล้ว โดยราคาจะตามระดับดาวของแต่ละโรงแรมค่ะ สำหรับที่นี่ต้องจ่ายคืนละ 2 RM เรานอน 3 คืนก็จ่ายไป 6 RM และมีค่ามัดจำกุญแจอีก 50 RM ได้คืนตอนเช็คเอาท์ 

ที่เราเลือกโรงแรมนี้เพราะว่าถือว่าไม่ไกลจากถนนเส้นที่เป็นสตรีทอาร์ทมากนัก สามารถเดินไปได้ และก็ไม่ไกลจากคอมต้า คือเลือกไว้กลางๆ ให้เดินไปได้ทุกๆ ถนน แต่เส้นนี้ไม่มีรถเมล์ผ่านนะคะ ถ้าจะขึ้นรถเมล์ก็เดินไป Komtar หรือเส้น Chulia ก็ได้

สภาพห้องพักเป็นห้องสำหรับ 3 คน อยู่ฝั่งติดถนน








ที่นี่ราคาไม่แพงตกคืนละ 300 กว่าบาทต่อคน มีผ้าเช็คตัวผืนเล็กและผืนใหญ่ให้ ไดร์ฟเป่าผมของได้ที่เคาท์เตอร์ แต่ไม่มีสบู่ยาสระผมค่ะ

พิกัดบน : https://goo.gl/maps/RaFuVNNpLJB2

มาถึงเก็บของเข้าห้องน้ำกันเรียบร้อย ก็ออกตะลุยปีนังกันค่ะ


การเดินทางในปีนัง

สำหรับการเดินทางหลักๆ ในปีนัง การเก็บแลนมาร์คในตัวเมืองเก่าเราใช้วิธีการเดินซะส่วนใหญ่ เดินๆ เดินๆ และเดิน
นอกจากการเดินที่นี่จะมีให้เช่าจักรยาน ทั้งจักรยานเดี่ยว จักรยานแบบครอบครัว ซึ่งมีหลายขนาด ติดต่อเช่าได้ตามที่พัก หรือใครจะชมเมืองโดยการจ้างสามล้อถีบก็ได้
หรือใครอยากนั่งรถบัสเปิดประทุนชมรอบเมืองก็สามารถซื้อตั๋ว Penang Hop-on Hop-off ได้ รายละเอียด เส้นทางและรอบการเดินทางสามารถเช็คได้จาก http://www.myhoponhopoff.com/pg/index.php?pageid=1

สำหรับเรานอกจากการเดิน ก็จะมีนั่งรถเมล์ไป Gurney Drive ซึ่งรถเมล์ที่นี่จะเป็นขึ้นที่ประตูหน้า บอกจุดหมายปลายทาง คนขับจะยืนตั๋วให้ โดยจะมีราคาอยู่บนนั้น ให้จ่ายเงินตามราคาตั๋วลงในกล่องข้างคนขับให้พอดี ไม่มีทอน รับตั๋วแล้วก็หาที่นั่งที่ยืนได้ตามสะดวก เช็คเส้นการเดินทางและราคาได้จาก http://www.rapidpg.com.my/journey-planner/route-maps/ 

และอีกอย่างที่ชอบมาก และได้ใช้เวลานั่งไปตั้งหลักก่อนเดินไปจุดอื่นคือรถเมล์ฟรีของปีนังหรือรถ CAT รถเมล์ฟรีที่มีแอร์สบายเราเหลือเกิน
ตำแหน่งป้ายจอดรถ CAT 


โดยรถ CAT จะวิ่งวนเป็นวนกลางรอบตัวเมืองเก่า ป้ายต้นทางคือป้ายหมายเลข 2 นะคะตรงท่าเรือ Ferry แต่ป้ายขาออกจะไม่ได้อยู่ตรงป้ายริมถนน จะมีเลน CAT อยู่ด้านในที่เป็นท่ารถ หน้าตาเลน CAT จะเป็นป้ายแบบนี้
รถจะออกจะที่นี่วนรอบและกลับมาจอดป้ายสุดท้ายตรงป้ายรถเมล์ริมถนนด้านหน้าท่าเรือ Ferry

สำหรับแผนที่ป้ายตาม google ดูได้จากที่นี่ค่ะ 
Penang: MPPP Rapid Penang CAT Free Shuttle Bus Service - 


ตรงไหนที่เป็นป้ายรถ CAT จะมีป้าย Central Area Transit พร้อมตัวเลขประมาณนี้ 

(ภาพจาก google map)

ป้าย CAT บางป้ายก็อยู่รวมกับป้ายรถเมล์ บางป้ายก็ตั้งแยกใช้สังเกตจากป้ายตัวเลขแบบนี้ค่ะ




ตะลุยปีนัง

Street Art :: ภาพวาด
สำหรับปีนังรอบนี้เรามาเพื่อตามล่าภาพวาดโดยเฉพาะ เนื่องด้วยความบ้าสตรีทอาร์ตโดยส่วนตัว 
เลยนั่งทำแผนที่เตรียมไปเก็บภาพวาดโดยเฉพาะ ที่นี่นอกจากภาพวาดก็จะเป็นเหล็กดัดรูปร่างต่างๆ ซึ่งเยอะไม่แพ้กัน
แต่เรายอมแพ้ไม่สามารถเก็บทั้งสองอย่าง เลยเน้นรูปภาพวาด แล้วก็เก็บเหล็กดัดไปด้วยระหว่างทางที่ผ่าน

นี่คือ 18 รูปหลักที่จะอยู่ในแผนที่ที่มีแจกให้หยิบทั้งที่โรงแรมที่พัก หรือที่บริษัทรถตู้ K.S.T ก็มีนะคะ
แต่ตอนเราไปรูป P เหลือแต่ผนังขาวๆ เศร้าใจนัก ไม่รู้เขาลบเพื่อวาดรูปใหม่รึเปล่า แต่ก็พลาดไปซะแล้ว

นอกจากภาพนี้ในแผนที่ก็จะมีแผนที่เหล็กดัดอีกทั้งหมด 52 จุดด้วยกัน ถ้าใครเป้าหมายหลักคือเก็บในแผนที่ให้ครบก็สนุกไปอีกแบบ
แผนที่ค่ะ : http://www.visitpenang.gov.my/download2/street-art-2014.pdf เอาไว้ดูก่อนได้ แต่ไปหยิบฉบับกระดาษแผ่นพับจะดูง่ายกว่า

สำหรับส่วนที่เป็นภาพวาดเยอะมาก เดินไปเจอไปสนุกดี ยกมาบางส่วน

ตัวอย่างภาพบนถนน Chulia

ตัวอย่างภาพบนถนน Armenian

ตัวอย่างภาพบนถนน Cannon และ Acheh

ตัวอย่างภาพบนถนน Ah Quee

ถนน Montri

Beach Street เลี้ยวเข้าซอย Toh Aka

รอบๆ Komtar

Nagore Square

และอื่นๆ บางส่วน


และเนื่องจากเราได้ทำแผนที่ปักหมุดไว้ก่อนไป หลังกลับมาเราเลยอัพเดทแผนที่อีกนิดหน่อย 
เป็นแผนที่ปักหมุดจุดที่เป็นภาพวาดทั้งหมดเท่าที่เราทราบนะคะ
เราเอามาแจกต่อเพื่อใครสนใจ ตามนี้  https://goo.gl/maps/bFzajqWHY2v

นอกจากที่เราปักไว้ทั้งหมดหลังจากกลับมาก็มีกำลังวาดเพิ่มอีกแล้ว ดังนั้นภาพวาดจะมีมากกว่าในนี้นะคะ ลองไปเดินดูก็จะได้เจอภาพใหม่ๆ อีกรับรองว่าไม่มีเบื่อ



Street Art :: เหล็กดัด

เหล็กดัดรูปแบบต่างๆ ไว้บอกชื่อถนน ทางไปโรงแรม และข้อความน่ารักๆ มีอยู่ทุกถนนเช่นกัน จากแผนที่ฉบับมาตราฐานมีทั้งหมด 52 ชิ้น เราเจอมาบางส่วน เอามาแปะให้ชมกันบางส่วนค่ะ



Hin Bus Depot Art Centre

ที่นี่เป็นที่จัดงานแสดงศิลปะ ส่วนด้านหน้าจะมีนิทรรศการหมุนเวียนกันมาโชว์ 
ช่วงที่เราไปเป็นช่วงเทศกาล George Town Festival พอดีก็จะเป็นแสดงภาพ Street Art ต่างๆ และภาพวาดในอดีตของตึกในเมืองจอร์จทาวน์




ส่วนด้านในจะมีภาพวาดต่างๆ แอบซ่อนแทรกอยู่ทั่วๆไป เนื่องจากเป็นช่วงเทศการตรงลานในร่มกำลังจะจัดงาน เลยถ่ายรูปบางส่วนยากไปหน่อย 










ใน Hin Bus Depot จะมีร้านอาหารด้วยนะคะ คือร้าน Tavern in the Park เป็นร้านอาหารน่านั่ง แต่ถ้าใครอยากแค่นั่งดื่มกาแฟด้านหน้าทางเข้าจะเป็นร้าน   Bricklin Cafe ค่ะ


ที่นี่เปิดตอน 12.00 น. เป็นต้นไป เข้าชมฟรีค่ะ


Camera Museum

พิพิธภัณฑ์กล้องปีนัง ที่นี่เป็นสถานที่จัดแสดงกล้อง คนรักกล้องและการถ่ายภาพน่าจะติดใจ นี่ก็แอบไปส่องเลนส์เกือบทุกตู้ พอเห็นแล้วมีความอยากได้มือหมุนตัวใหม่กันเลยทีเดียว

ที่นี่ด้านหน้าเข้ามาถ่ายรูปเล่นกันได้ค่ะ และถ้าอยากขึ้นไปชมชั้นบนที่จัดแสดงกล้องก็เสียค่าเข้าชมคนละ 20 ริงกิตที่เคาท์เตอร์ด้านใน
ห้องต่างๆ ด้านบนแบ่งเป็น Exhibition room ห้องจัดแสดงกล้องต่างๆ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ทั้งกล้องหายาก กล้องแบบแปลกๆ และกล้องราคาสูงที่สุดก็มีที่นี่

ห้องต่อมาเป็นห้องนักสืบ แสดงกล้องที่สายลับใช้ ถัดไปเป็นห้องล้างฟิล์มมีอุปกรณ์ต่างๆ ครบครัน 

ต่อกันด้วยห้อง Pinhole ที่จำลองให้เราเหมือนเข้าไปอยู่ในกล้อง 

เดินชมไปเรื่อยๆ จะเจอจัดโชว์กล้องสามมิติ ห้องจำลองห้องถ่ายแบบ ที่ให้เราลองดูภาพจากกล้องว่ากล้องสมัยโบราณจะจับภาพซ้ายขวาสลับกับตัวแบบ 

และด้านนอกเป็นจุดให้ถ่ายรูปเล่น มีกล้องและกระดาษข้อความเป็นพร๊อบให้

ด้านล่างพิพิธภัณฑ์เป็นร้านกาแฟค่ะ เขาดีไซน์พิพิธภัณฑ์ให้เข้าทางเดียวและก็วนลงมาเจอร้านกาแฟ แต่เราก็ไม่ได้กินอยู่ดีเพราะราคาค่อนข้างสูง ก่อนจะวนออกไปส่วนที่ขายของที่ระลึกค่ะ 








ใครรักชอบกล้อง หรืออยากได้มุมฮิปๆ แวะมาที่นี่ได้นะคะ ได้หลบร้อนไปด้วยในตัว

ค่าเข้าชม 20 ริงกิต


Chew Jetty

ที่นี่เป็นหมู่บ้านชาวประมงตั้งอยู่ริมทะเล โดยแถวนี้จะเป็นท่าเทียบเรือประมงเป็นหลายท่าติดๆ กัน 
สำหรับที่นี่จะเป็นหมู่บ้านมีคนอาศัยและบางหลังเปิดเป็นร้านขายของที่ระลึก ซึ่งของที่ระลึกที่นี่จะถูกกว่าที่ขายอยู่บริเวณ Street Art เราเจอคนขายพูดไทยได้ด้วยน่ารักเชียว นอกจากร้านขายของที่ระลึกก็จะมีร้านอาหารอยู่นิดหน่อย ทางเดินเที่ยวตรงๆ เข้าไปนิดเดียวก็สุด

ที่นี่ไม่มีอะไรให้เที่ยวมากนัก แต่เย็นๆ คนจะมานั่งรับลมกันเย็นๆ เพลินๆ ค่ะ






Chew Jetty ตอนทุ่มกว่าๆ ยังไม่มีทีท่าจะมืด


Walk Around Penang

นอกจาก Street Art แล้ว ตึกต่างๆ ในเมืองจอร์จทาวน์ก็สวยงามเดินไปถ่ายรูปไปเป็นทริปที่หมดเมมกล้องไปเยอะมาก

City Hall + Town Hall





War Memorial


ริมทะเล






Fort Cornwalli ที่เราไม่ได้เข้าไป


Queen Victoria Memorial Clock Tower


ตึกสวยๆ ย่าน Beach Street






Georgetown World Heritage 




Yap Kongsi Temple


Masjid Kapitan Keling




Kuan Im Ten



St George's Anglican Church


Church of the Assumption


ตลาดยามเช้า

เดินๆ ไปเรื่อยๆ









อาหารการกิน

มาถึงเรื่องกินกันบ้าง มาปีนังรอบนี้มีคนบอกว่านึกว่าเรามาทัวร์กิน จริงๆ เรากินไปน้อยมากเลยนะยังไม่ครบเลย ฮ่าๆ
ที่ปีนังประชากรส่วนใหญ่เป็นคนจีน อาหารจีนที่นี่จะเยอะ และบางส่วนก็มีอาหารอินเดียด้วย มาที่นี่มีความตั้งใจอยากลองอาหารพื้นเมืองแทบทุกอย่าง แต่แค่ 3 วันเลยได้มาแค่นิดหน่อย

Sai lam Kopitiam
วันแรกที่เดินทางถึงปีนังบ่ายสองแล้วหิวกันมาก เดินเที่ยวไปมองหาร้านไป จนเจอร้าน Sai lam ตรงเส้นถนน Chulia หัวมุมตัดกับถนน Carnavon ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องหมี่  Wan Tan Mee, Beef Soup Mee ค่ะ
แต่เราหิวเราคิดอะไรไม่ออก เราอ่านเมนูคุ้นต้มยำค่ะ พวกเราสั่งมื้อแรกในปีนังเป็น Tom Yum Fried Rice เป็นอาหารที่เป็นประเภทข้าวอย่างเดียวที่เราใช้ชีวิตอยู่ที่ปีนัง น้ำพริกเขาไม่เหมือนที่บ้านเรานะคะ เผ็ดๆ หวานๆ อร่อยไปอีกแบบ

น้ำแข็งใส
เส้น Armenian ซึ่งเป็นเส้นหลักของ Street Art ที่นี่จะคนเยอะมากเพราะทุกคนจะมุ่งมาเก็บ Street Art ที่นี่เป็นหลัก 
ถ้าใครไม่ได้เจาะจงจะต้องตามหาภาพอะไรเป็นพิเศษแค่เดินมาเส้นนี้เพื่อเก็บภาพหลักๆ ก็พอค่ะ
เพราะคนเยอะอากาศร้อน เส้นนี้นอกจากจะมีของที่ระลึกที่นำภาพวาดต่างๆ มาใส่ลงในสินค้าวางขายตามข้างทาง ของกินอีกอย่างที่เห็นคือน้ำแข็งใสค่ะ โดยน้ำแข็งใสที่นี่ไม่ได้ปั่นใส่ถ้วยเฉยๆ นะคะ เขาจะปั่นเป็นก้อนกลมๆ เสียบไม้แล้วค่อยใส่ถ้วยให้เรา
เป็นขนมเหมาะกับอากาศมาก จะมีหลายๆ รสให้เลือก เลือกได้มากสุดสามรสค่ะ แบบนี้จัดไป
ice kacang ที่เรากินกันอยู่ข้างๆ รูปวาดดังๆ Little Children on a Bicycle ค่ะ
เส้นนี้ยังมีขนมอย่างอื่นอีกนะคะ ที่เห็นก็จะมีทั้งไอติมธรรมดา ไอติม Lollipop และขนมอื่นๆ แต่ไม่ได้ชิมอย่างอื่นเลย 

Red Garden
อาหารเย็นวันแรกของเรา เราเลือกที่ศูนย์อาหาร Red Garden ที่นี่รวมอาหารหลายๆ อย่างไว้ที่เดียวกกัน 
มีดนตรีมีนักร้องร้องเพลงขับกล่อม กินไปฟังไปเพลินๆ
ที่นี่มีอาหารหลายๆ อย่าง พอจับจองโต๊ะได้จำหมายเลขโต๊ะไว้ แล้วก็เดินไปสั่งอาหาร ร้านจะนำอาหารมาส่งให้ที่โต๊ะพร้อมกับคิดเงิน ส่วนน้ำจะมีพนักงานของศูนย์อาหารเดินมาถามว่าจะรับน้ำอะไร เขาคุยกะเราภาษาไทยด้วยคือยังไม่ได้เอ่ยปากเลย 
อาหารของเรามื้อนี้ประกอบไปด้วย ของทอด ไก่สะเต๊ะ ปีกไก่สะเต๊ะ แล้วก็ฮกเกี้ยนหมี่ค่ะ

Tai Tong Restaurant
ร้านนี้มีร้านอาหารเช้าประจำของเราเพราะอยู่ใกล้ที่พักและเปิดตั้งแต่เช้า 
ไปถึงคุณป้าในร้านจะพาไปนั่งพร้อมทั้งถามว่าจะรับน้ำชามั้ย 
ส่วนอาหารก็รอรถเข็นต่างๆ ในร้านวนกันมาที่โต๊ะค่ะ มีทั้งรถเข็นโจ๊ก+เกี๊ยวน้ำ
รถเข็นติ่มซ้ำ รถเข็นของทอด รถเข็นซาลาเปา เลือกเลยอร่อยทุกอย่าง อิ่มอร่อยกันทุกเช้า

Joo Hooi 
ร้านอาหารพื้นเมืองชื่อดังของที่นี่ค่ะ เป็นร้านที่คนเยอะมากในร้านจะรวมรถเข็นอาหารพื้นเมืองต่างๆ ไว้ มีทั้งร้านหมี่ / หอยทอด / Laksa / Rojak / Char Kway Teow
สำหรับที่นีขึ้นชื่อเรื่อง Laksa ค่ะดังนั้นจัดไปอย่าให้เสีย
นอกนั้นก็สั่ง Curry Mee และ Char Kway Teow มากินด้วยกัน
Laksa จะเป็นคล้ายๆ แกงปลาป่นใส่ใบลักซามีกลิ่นหอมอร่อยดีค่ะ
Cha Koay Taew ก็คล้ายๆ ผัดไทย+ผัดซีอิ๋ว
Curry Mee คล้ายๆ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เขาจะมีซอสของเขาใส่ช้อนมาให้ด้วย จริงๆ ก็อยากกินอย่างอื่นด้วยแต่คนเยอะมาก คนรอต่อคิวก็เยอะ ก็เลยอดอย่างอื่นไป

Penang Road Famous Teochew Chendul
ร้านลอดช่องเจ้าดังของปีนังค่ะ ตั้งอยู่ข้างๆ ร้าน Joo Hooi เลย คนต่อแถวกันยาว โชคดีก่อนหน้านี้ที่เรากินข้าวกันอยู่ฝนตก คนเลยซาไปต่อแถวไม่นานก็ได้ชิมลอดช่องปีนัง
เป็นลอดช่องน้ำกะทิมีถั่วแดง สำหรับเราที่ไม่ชอบหวาน รสชาตินี้กำลังดีค่ะ
Penang Road Famous Teochew Chendul : https://goo.gl/maps/yCXauJvFQYJ2

Lok Lok
ที่ปีนังจะดังเรื่องร้านอาหารรถเข็นซึ่งจะมีเยอะตามถนนต่างๆ ที่เป็นเส้นสำคัญๆ 
ตอนกลางคืนเราลองเดินไปดูที่เส้น Chulia มีร้านขายยาว คนก็เยอะ ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกกินร้านไหน เลยเดินกลับมาแปะอยู่ตรงร้าน Lok Lok ร้านลูกชิ้นเสียบไม้ลวก อยากกินอะไรก็หยิบไปลวกๆ ราดน้ำจิ้ม มีทั้งลูกชิ้นหลากชนิด ไข่ ผัก สารพัด ราคาแต่ละไม้ก็ดูที่สีที่ปลายไม้ กินเสร็จก็เอาไม้ไปให้เขาคิดราคา
ร้าน Lok Lok แบบนี้มีหลายจุดค่ะ ร้านนี้อยู่ที่ถนน Chulia

Duck Kway Chap
ร้าน Restoran Kimbery
หลังจากกิน Lok Lok เรายังไม่อิ่มเท่าไหร่ เลยเดินกลับมาถนน Kimberry ซึ่งอยู่แถวที่พักเดินๆ ร้านรถเข็นแถวนี้ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะกินอะไรดี จนเจอร้านที่คนต่อยาวมาก ถึงได้นึกออกว่าตรงนี้มีร้านก๋วยจั๊บเป็ดชื่อดัง
ดังนั้นจะรออะไร ก็รอต่อแถวกะเขาด้วยเลยแล้วกัน ที่นี่หาโต๊ะนั่งแล้วก็ไปต่อแถวสั่งแล้วก็มานั่งกินได้เลยค่ะ เป็นก๋วยจั๊บเป็ดที่ใส่ทุกส่วนของเป็ด ให้ของเยอะมาก ไม่น่าล่ะคนเลยเยอะมากกกกก
เป็นก๋วยจั๊บพร้อมน้ำจิ้ม คล้ายน้ำส้มสายชูใส่พริกแต่เป็นพริกสูตรของที่นี่

Coffee on the Table
มาพูดถึงของหวานกันบ้าง หลังจากเดินเหนื่อยๆ เราเลยมองหาร้านกาแฟนั่งพักกันซักร้าน เลยเลือกร้านนี้ค่ะ เป็นร้าน Coffee 3D คือร้านที่ทำฟองนมเป็นรูปต่างๆ โดยสามารถสั่งได้ทั้งแบบร้อนแบบเย็น กาแฟ และโกโก้
แต่เลือกลายไม่ได้นะคะ เจ้าของร้านจะเป็นคนสร้างสรรมาให้เราเอง เราสั่งโกโก้นมเย็นค่ะ สำหรับรสชาติเราเฉยๆ เนื่องจากไม่ค่อยชอบกินหวานเลยรู้สึกว่าหวานมากไปหน่อย แต่ร้านบรรยากาศดี หนีร้อนได้ดี และเหมาะกับการมาชื่นชม Coffee 3D ที่เป็นจุดขายของเขา
ร้านตั้งอยู่ถนน Beach Street ตรงใกล้กับทางแยกเข้าถนน Chulia ค่ะ
Coffee on the Table : https://goo.gl/maps/2EiR8GSTEvk

Urban Artisan. Co.
มาร้านของหวานอีกร้าน ร้านนี้เป็นร้านไอติมค่ะ แต่จะมีซอฟท์ครีมพิเศษผลัดเปลี่ยนกันไปเป็นช่วงๆ 
อย่างช่วงที่ไปก็จะมีให้เลือกสองรส คือช็อกโกแลต+นมกล้วย กับชาเขียว+งา ก็เลยจัดไปคนละโคน
ไม่ถึงกับอร่อยมากแบบของญี่ปุ่นนะคะ แต่เราก็ฟินกับการได้ชิมซอฟท์ครีมอยู่ดี 
นอกจากนี้ยังชอบการจัดร้านที่เป็นสไตล์ฮิปๆ สมัยใหม่ท่ามกลางตึกเก่าๆ ของเขาด้วย
ร้านนี้ตั้งอยู่ทางเข้า Nagore Square ค่ะ


Urban Artisan. Co. : https://goo.gl/maps/Depqa2pgiWB2

Restoran Kapitan
ที่นี่นอกจากอาหารจีนแล้ว ก็ต้องมีอาหารอินเดียด้วย 
เนื่องจากคนที่นี่ส่วนนึงคือคนแขก ร้านอาหารอินเดียที่ขึ้นชื่อของที่นี่ ร้านนี้เป็นร้านหนึ่งในนั้นค่ะ
ร้านมีสองชั้น คนเยอะตลอด เราขึ้นไปชั้นสองพนักงานจะเอาเมนูมาให้ เราสั่งเซต Plain Naan Tandoori Set เป็นเซตไก่ย่างกับแป้ง เป็นแผ่นแป้งทานคู่กับไก่ย่างและมีน้ำจิ้มให้ค่ะ นอกจากเมนูนี้ก็จะสามารถสั่งไก่ย่างเฉยๆ จับคู่กับแป้งแบบอื่นก็ได้ หรือจะกินเป็นพวกข้าวหมกไก่ก็ได้ค่ะ
จริงๆ เซตนี้นิยมทานมือกันนะคะ แต่ถ้าอยากได้ช้อนส้อมสามารถขอได้ค่ะ แต่สุดท้ายเราว่ามือถนัดกับการฉีกไก่สุด
ข้อเสียของร้านนี้คือคนเยอะ ทำให้ร้อนไปหน่อยนะคะ ชั้นสองมีแอร์ก็จริงแต่ไม่เย็นเท่าไหร่ แต่อาหารอร่อยค่ะ
สาขานี้อยู่ที่ถนน Chulia ค่ะ

Gurney Drive
ปิดท้ายด้วยศูนย์อาหารอีกที่ เป็นศูนย์อาหารริมทะเลค่ะ สามารถเดินทางมาที่นี่โดยนั่งรถเมล์สาย 103 จาก Komtar มาลงที่ Gurney Plaza โดยที่ Komtar ให้รอรถ 103 ที่ Lane 1 รถสายนี้ค่ารถ 1.40 RM ตลาดสายค่ะ
ความตลกของการไปที่นี่คือขณะที่เรานั่งรอรถ CAT ฟรีเพื่อมาที่ Komtar ตอนนั้นคือเดินมาทั้งวันเป็นวันสุดท้ายก่อนกลับและเป็นวันที่ร้อนที่สุด ความขี้เกียจก็เริ่มครอบงำความตั้งใจแรก ข้างหลังก็คือ Red Garden หรือเราจะกินที่นี่เลยดีไม่ไปมันแล้ว 
ด้วยความที่สามคนลังเลกันหมด อยากไปก็อยากไป เหนื่อยก็เหนื่อย หัวก้อยมั้ยงานนี้ ขณะที่พี่ใหญ่ของเรากำลังจะหยิบเหรียญขึ้นมาหัวก้อย ปากก็บอกไปด้วยว่าแต่ถ้ารถมาก็คือไปนะ ล้วงกระเป๋ายังไม่ทันได้เเหรียญเลยค่ะ รถเมล์ก็มา
พอมานั่งรอรถที่ Komtar ก็นานแสนนานจนเกิดเหตุการณ์วนซ้ำ มาโยนหัวก้อยกันเถอะแต่ถ้ารถมาก็ไปนะ ยังไม่ได้ขาดคำค่ะ รถก็มาถึง สุดท้ายโชคชะตาก็พาเรามาถึง Gurney Drive จนได้ 55
จุดสังเกตุในการลงรถนะคะ พอทางขวามือผ่านห้างใหญ่ๆ หรูๆ หรือห้าง Gurney Paragon แล้ว ให้เตรียมตัวลงได้เลยค่ะ กดกริ่ง ป้ายที่เราจะอยู่ตรงข้ามกับห้าง Gurney Plaza ตึกสีส้มๆ 
ป้ายที่ลงค่ะ

ตรงข้าม Gurney Plaza

ค่ารถ 1.40 RM

เดินทะลุห้างไปถนนเลียบชายหาดหันซ้ายเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอกับศูนย์อาหารค่ะ ที่นี่จะกินพื้นที่ใหญ่มากยาวไปจนถึงบริเวณน้ำพุเลยทีเดียว เป็นแหล่งรวมอาหารพื้นเมืองไว้ครบทั้งจีนทั้งแขก เดินมองหาร้านที่น่าสนใจและหาโต๊ะได้เลย
โดยโต๊ะน้ำจะเป็นเขตของร้านน้ำแต่ละร้าน ก็สั่งน้ำกับเขา แล้วก็เดินไปสั่งอาหารกลับมาที่โต๊ะ มื้อนี้ด้วยความติดใจลักซาอยู่เลยจัดลักซากันคนละชาม แล้วก็ได้เมนู Rojak มาอีกอย่าง ติดใจคนขายค่ะ อาบังคนขายจะยืนตะโกน RoooJaaaaak RooooJaaaak
แถมลีลาตอนสับอาหารกับวนรอบตัวเพื่อราดซอสให้ก็ใช่ย่อย 
Rojak เจ้านี้จะเป็นให้เลือกของลวกของทอดต่างๆ มีทั้งปูทอด ลูกชิ้นลวก ปูอัด ฯลฯ เลือกใส่จาน อาบังก็จะจัดการสับๆๆ อะไรก็ตามที่เป็นแท่ง โปะผัก มีแตงกวากับมันแกว ก่อนหมุนตัวราดซอสให้เราเป็นอันจบพิธี

สำหรับบรรยากาศและอาหารถือว่าคุ้มกับการมานะคะ ไม่เสียดายที่โชคชะตาพาเรามาถึง 

ส่วนขากลับเดินต่อจากตรงวงเวียนน้ำพุต่อไปจนเจอป้ายรถเมล์ 
รอรถกลับ Komtar ค่ะ โดยเรานั่งรถ 101 กลับ ที่นี่รถวิ่งถึงห้าทุ่มนะคะ มืดแล้วไม่ต้องกลัวอาจจะรอรถนานหน่อยแต่มีรถมาชัวร์ บอกคนขับลง Komtar ระยะทางของเราค่ารถ 1.40 RM ค่ะ รถไม่ได้เข้าข้างใน Komtar นะคะ จะผ่านด้านข้างๆ จะเป็นป้ายที่คนลงเยอะที่สุด



ปีนังเป็นเมืองน่ารักมากเมืองหนึ่ง ถึงจะตั้งอยู่ในมาเลเซียแต่คนส่วนใหญ่เป็นคนจีนเราจึงรู้สึกคุ้นเคย 
ที่นี่เราประทับใจมากๆ เลย คือเขาทักเราว่าสวัสดีค่ะ สวัสดีครับ ได้ถูกต้องตลอด
หลังจากที่ส่วนใหญ่เวลาเราไปเป็นต่างด้าวที่อื่นเขาจะดูไม่ค่อยออกว่าเราเป็นคนไทย แล้วก็ทักเราด้วยภาษาอื่นก่อนตลอด แต่ที่นี่อาจจะเพราะเราอยู่ใกล้กัน เขาเลยรู้เลยว่าเราคนไทยมันเป็นความสุขเล็กๆ เวลามีคนทักเราถูกแม้ขณะที่เราจะก้มหน้าก้มตาดูแผนที่ก็ตาม ถือว่าเขาต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ดีเลยทีเดียว 
ขนาดสามล้อถีบอยู่อีกฝั่งยังตะโกนทักเรา ทักแบบแค่ทักจริงๆ ไม่ใช่เรียกลูกค้า บางคันขับผ่านตอนกำลังถ่ายรูปยิ้มให้กล้องฟรีๆ อีกด้วย
แต่ที่ลำบากของที่นี่คือการข้ามถนน รถที่นี่ไม่ติดแต่รถก็ไม่น้อย รถก็เลยวิ่งกันขวักไขว่มาจากทุกทิศ เวลาเจอแยกทีนี่มองจนคอหมุนกว่าจะมั่นใจว่าไม่มีรถที่อยู่ดีๆ อาจจะโผล่มาได้ ด้วยความที่เมืองนี้เราต้องใช้เดินหรือขี่จักรยานเลยถือว่าเป็นอุปสรรคอยู่เหมือนกัน

ที่นี่ร้านคาเฟ่ของเขาคือร้านอาหารซะส่วนใหญ่ ร้าน coffee shop จะมีเยอะเป็นโซนๆ 
ร้านสะดวกซื้อมีน้อย อากาศร้อนแนะนำให้พกขวดน้ำติดตัวไปด้วย เพราะไม่อย่างนั้นจะหาน้ำยาก
ถ้าที่โรงแรมที่นี่กดน้ำฟรี เตรียมขวดไปกดแต่เช้าแล้วก็ค่อยออกเดินทาง

Street Art แนะนำให้เดินตอนช่วงเย็นนะคะ หรือไม่ก็เช้าไปเลย เพราะตอนกลางวันแดดเปรี้ยงเลยทีเดียว เช้าเดินได้แต่เช้าเพราะแดดออกช้า
ตอนเช้าจะคนน้อย แต่ร้านขายของที่ระลึก ร้านขนมระหว่างทางก็จะยังไม่เปิดไปด้วย
ส่วนตอนเย็นๆ เดินได้นานเลยเพราะว่ามืดช้าเช่นกัน กว่าจะมืดก็ทุ่มครึ่งได้ แต่คนก็จะเยอะหน่อย ของเรากลางวันเราหนีกลับไปนอนที่ห้องค่ะ หรือไม่ก็อยู่ตามห้าง ตามร้านอาหาร เพราะแดดจัดจริงๆ

ปีนังเมืองเล็กๆ ใกล้ๆ ไปง่าย ราคาไม่แพง เดินทางสะดวกเป็นอีกทางเลือกสำหรับนักเดินทางนะคะ 

ค้นหารายละเอียดอื่นๆ ของปีนังเพิ่มเติมได้ที่ link นี้ค่ะ


#whenigo


You May Also Like

0 ความคิดเห็น

TripAdvisor
Booking.com