Sapporo - เที่ยวชมซัปโปโรปลายฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

by - พฤศจิกายน 12, 2558

Sapporo - เที่ยวชมซัปโปโรปลายฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

เริ่มด้วยแผนที่ใจกลางเมืองซัปโปโร สำหรับวางแผนการท่องเที่ยวโหลดได้ที่

สำหรับที่พักที่เราพักกันที่ซัปโปโรคือ International Hostel Khaosan Sapporo เราไปกัน 6 คน เลือกห้องรวมห้องใหญ่ ห้องแคบไปซักหน่อย แต่สำหรับราคาที่ถูกตกคนละ 500 กว่าบาทต่อคนต่อคืน ถือว่าโอเคทีเดียว เดินจากสถานี susukino สบายๆ แต่อาจจะเหนื่อยถ้ามีกระเป๋าใหญ่ๆ นะคะ
รูปห้องพักจากบุ๊คกิ้งดอทคอม

ห้องที่เราพักเป็นห้องแบบมีห้องน้ำในตัว แต่สำหรับใครที่อาจจะมีปัญหาเรื่องห้องน้ำไม่พอ เนื่องจากที่พักมีห้องน้ำรวมด้วย ช่วงเวลาเร่งรีบบางส่วนก็ออกไปใช้ห้องน้ำรวมค่ะ สะอาดสะดวกสบาย เพราะชั้นนึงมีห้องพักไม่กี่ห้องเท่านั้น

ถ้าใครเดินทางถึงแต่เช้าแบบเรา เคาท์เตอร์โฮสเทลจะยังไม่เปิด เคาท์เตอร์จะเปิดประมาณแปดโมงเช้า เราเลยได้แต่เอากระเป๋าไปทิ้งไว้แล้วออกมาหาอะไรกินกันก่อน

หลังจากเอากระเป๋าใบใหญ่ไปไว้ที่พัก เราก็เดินไปตลาดปลากัน จากที่พักไปตลาดปลา Nijo คือวงกลมสีแดงในรูป
ถ้าไปโดยการนั่ง subway สามารถขึ้นที่สถานีใดก็ได้ ถ้าจากที่พักสามารถขึ้นที่สถานี susukino และไปลงที่สถานี Odori ออกทางออกที่ 1 แล้วเดินต่อไปประมาณ 2 บล็อค โดยตลาดปลาจะอยู่หัวมุมบล็อคที่ 3

แต่จากการคำนวณตอนนั้นถ้าเดินไปสถานีไปลงอีกสถานีก็ต้องเดินอีก เช้าๆ อย่างนี้เดินจากที่พักเลยแล้วกัน สำหรับที่ซัปโปโรถนนจะเป็นบล็อคๆ ทั้งหมดจึงเดินง่ายเดินไม่นานก็ถึง

ตลาดปลา Nijo
อาหารมื้อแรกของเราใช้วิธีเดินไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็เข้าร้านคุณลุงที่มายืนเรียกทักทาย แพ้การเชิญชวน
สั่งไข่หอยเม่นเป็นออเดิฟ ส่วนจานใหญ่มาก็หมดไป ไม่มีรูป ฮ่าๆ

ระหว่างทางที่เดินมาโรยด้วยใบแปะก๊วย
พอกินกันอิ่มก็ได้เวลาคิดว่าเคาท์เตอร์ที่พักคงเปิดพอดี เลยเดินเรื่อยๆ กันกลับที่พัก ทำการเช็คอินพอดีมีห้องว่างไม่ต้องจนบ่ายสามตามเวลาเช็คอินจริง เลยได้เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ และเตรียมตัวเดินทางกันต่อ
จุดหมายต่อไปคือ Maruyama Park และศาลเจ้าฮอกไกโด แต่แผนเดิมที่เดียวตั้งใจไปที่สวนสัตว์ด้วย แต่พอเดินไปเดินมา เพลินกับใบไม้เปลี่ยนสีในสวนจนหมดเวลาไปเยอะ เลยไม่ไปแล้วสวนสัตว์ ^^;

วิธีการเดินทางไป Maruyama Park นั่งรถ subway สาย Tozai ลงสถานี Maruyama Koen ทางออก 3 เดินตรงไปจะเจอทางเข้าสวน Maruyama

sapporo subway map
เนื่องจากเราออกจากที่พักเลยเดินตรงไปขึ้นที่สถานี T08 นั่งไปลง T06 ออกจากทางออก 3 หันมองทางซ้ายมือก็จะเห็นสวนค่ะ เดินตรงได้เลย แต่กว่าจะถึงสวนก็ถ่ายใบไม้กันตลอดทาง เป็น 200 เมตรที่เดินนานมาก 

เข้าไปในสวนแล้วไม่ผิดหวังจริงๆ สวยและเพลินมากๆ 500 เมตรที่จะไปศาลเจ้า หมดไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้
 
เดินมาตามทางป้ายบอกไปเรื่อยๆ เราจะถึง ศาลเจ้าฮอกไกโด 

ความน่ารักของที่ศาลเจ้าคือเครื่องรางเป็นพวกตุ๊กตาแถมแผ่นป้ายขอพรก็ด้วย
ริลัคคุมะก็มา
 เดินจนเมื่อยจนไม่สามารถไปต่อที่สวนสัตว์ได้ นั่งพักซักพักก็เลยกลับเข้าใจกลางเมืองซัปโปโรเพื่อเที่ยวต่อ
 
เนื่องจากเราออกคนละทางกับเข้ารอบกลับเลยเดินชมโน่นชมนี่กันต่อจนเดินกลับไปขึ้นรถที่ทางเดิมที่สถานี Maruyama Koen เพื่อไปเปลี่ยนสายที่สถานี Odori ไปลงปลายทางสถานี Sapporo
ที่สถานีซัปโปโรเรามาหาอาหารขึ้นชื่อก็ซัปโปโรชิมกันค่ะ คือซุปแกงกะหรี่ ซึ่งจริงๆ มีร้านอยู่ทั่วๆ ไปในซัปโปโรเลย
แต่เราเลือกกินร้านในห้างเพราะสะดวกกับแผนการเดินทาง ซึ่งจริงๆ ร้านที่เราเลือกมีสาขาข้างนอกด้วย 
ร้านที่เรามาชิมวันนี้คือร้าน Soup Curry Lavi ที่ห้าง Esta ชั้น 10 โดยห้าง Esta จะตั้งอยู่ตรงสถานี Sapporo เลย

ห้างรอบๆ สถานี

หน้าตาของร้าน
ขอบคุณรูปจาก yachin2go

ขั้นตอนการสั่ง Soup Curry
1. เลือกซุป 
2. เลือกระดับความเผ็ด 
3. เลือก Topping 
4. เลือกปริมาณข้าว

เลือกซุปคือเลือกว่าจะกินเป็นไก่ ฮอทด็อก หมู หรืออื่นๆ ตามเมนูนะคะ เลือกระดับความเผ็ดจะมีแยกเป็น อ่อน กลาง เผ็ด โดยแต่ละระดับจะแยกด้วยตัวเลขอีกที อ่อน 1-5 กลาง 6-10 เผ็ด 11-xx ประมาณนี้ จำแม่นๆ ไม่ได้นะคะ 
เลือกท็อปปิ้งก็ได้แก่ผักทั้งหลาย หรือเพิ่มไข่ ฯลฯ และเลือกปริมาณข้าวซึ่งเข้าจะมีเป็นเล็ก กลาง ใหญ่ ในเมนูจะระบุเป็นกรัม

ของตัวเองเลือกเผ็ดระดับกลางประมาณ 6 ข้าวน้อย เป็นซุปน่องไก่หน้าตาประมาณนี้ค่ะ
 
ลองเทียบกับของเพื่อนๆ ชามขวาที่แดงขนาดนั้นคือระดับ 11 ค่ะ เผ็ดจริงแต่เพื่อนเฉยๆ
รสชาติสมเป็นอาหารขึ้นชื่อค่ะ อร่อยจริงๆ ขนาดไม่ค่อยชอบกินพวกแกงกะหรี่เท่าไหร่

มหาวิทยาลัยฮอกไกโด ไม่ไกลจากสถานีซัปโปโร สำหรับที่เที่ยวในใจกลางซัปโปโรเดินถึงกันได้หมด เรื่อยๆ ได้เลย จากสถานี Sapporo เดินไปมหาวิทยาลัยฮอกไกโดประมาณนี้
อุปสรรคอย่างเดียวของการเดินริมถนนคือ ลมหนาวมาก

ที่มหาลัยก็เหมือนเดิมคือเพลิดเพลินกับใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งจริงๆ เริ่มร่วมไปเยอะแล้ว แถมหยุดแต่ละจุดนานๆ ด้วยความหลงใหลจนสุดท้ายมืดซะก่อนไม่ได้ไปตรงอุโมงแปะก๊วย แต่เข้าใจว่าน่าจะร่วงหมดแล้ว เนื่องจากรอบๆ ค่อนข้างโล่ง
เรามาช้ากว่ากำหนดวันปิดถนนชมแปะก๊วยอาทิตย์กว่าๆ ทีเดียว
เนื่องจากช่วงที่ไปก็เริ่มมืดเร็ว ประมาณ 4 โมงกว่าๆ ก็เริ่มมืดแล้ว ก็เลยออกจากมหาวิทยาลัยเดินต่อไปแลนด์มาร์คจุดต่อๆ ไป
ออกจากมหาวิทยาลัยฮอกไกโด ตรงประตูเดิม มองไปเราจะเห็นตึกที่ว่าการจังหวัดฮอกไกโดหลังเก่าอยู่ไกลๆ เดินตรงอย่างเดียวก็ถึงเลย
 
ตึกที่ว่าการจังหวัดฮอกไกโดหลังเก่า
เราเข้าจากประตูด้านข้าง แล้วเดินอ้อมมาถ่ายรูปที่ด้านหน้า จริงๆ ภายในตึกยังไม่ปิด จะปิดประมาณ 18.00 น. แต่ตอนนั้นมืดมากแล้ว เลยไม่ได้เข้าไปข้างใน
 
จาตึกที่ว่าการหลังเก่า มาออกประตูด้านข้างอีกข้างนึง แล้วเดินต่อไปหอนาฬิกาซัปโปโรค่ะ
ภาพยืนถ่ายจากจุดกลมๆ ในแผนที่ข้างบน
หอนาฬิกาซัปโปโร
แล้วก็เดินต่อไป Tv Tower ซึ่งเมื่อเช้าเราก็เห็นแล้วตอนไปตลาดปลา แต่มาอีกรอบตอนกลางคืน 5 โมงกว่าๆ มืดมาก หนาวจนมือสั่น ภาพไหวหมด 55
TV Tower 
 
เดินจนทั่วแล้ว เราก็ไปเดินผ่านตรอกทาคุนิโคจิกันค่ะ ซึ่งตอนเช้าก็เดินผ่าน 1 รอบแล้ว แต่เป็นตอนยังไม่ค่อยมีร้านเปิดเท่าไหร่
ส่วนรอบกลางคืนนี้ก็เดินยาวค่ะจากตรอก 1 ถึงตรอก 7 ทะลุกลับที่พักได้พอดี มีแวะซื้อขนมบ้าง ถุงไว้ใส่ของเพิ่มบ้าง แต่ตรงนี้ส่วนใหญ่หมดไปให้กะดองกี้ค่ะ เดินทุกคืน
กลับเข้าที่พัก พักขา แล้วเดี๋ยวออกไปหาอะไรกินกันต่อ ปิดท้ายวันด้วยมื้อค่ำที่ ร้านบุฟเฟ่ต์ขาปู Nanda ย่าน Susukino อยู่ชั้นใต้ดิน B2 ของ ตึก Cyber City ค่ะ
วิธีเดินมาจากที่พัก
หรือถ้าใครมาด้วยรถ subway ในลงสถานี Susukino แล้วออกทางออกที่ 3 เดินมาจนเจอโรงแรม Toyoko Inn ให้เลี้ยวขวา และเลี้ยวซ้ายที่บล็อคที่ 2 ก็จะเจอห้าง Cyber City ค่ะ

มาที่นี่เพื่อเน้นปูๆๆ และปู มีปูให้เลือกหลายอย่าง
 
ของที่ไม่ใช่ปูก็เยอะ
 
แต่พวกเราเน้นปูจริงๆ
 
เรามาเป็นวันธรรมดา แต่ว่าเป็นวันหยุดของที่นี่ มาช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเย็น แต่ก็ได้ที่นั่งทันทีโดยที่ไม่ได้จองมาก่อนนะคะ ถือว่าโชคดีไป
เวลารู้สึกจะมีให้เลือก 90 นาที กับ 120 นาที เราเลือก 90 นาที จำราคาเงินเยนไม่ได้ แต่เสียเป็นเงินไทยไปประมาณ พันกว่าบาทค่ะ

มีของหวานและผลไม้ด้วยนะคะ ครบเวลาแล้วกดซอฟครีมติดมือออกมากินต่อหน้าร้านอีก 1 อัน อิ่มคุ้มทีเดียว ปิดท้ายตอนกลางคืนด้วยแยกแห่งแสงสี Susukino

Hitsujigaoka Observation Hill
ที่เที่ยวอีกที่ที่ไม่ควรพลาดของซัปโปโรก็คือ Hitsujigaoka Observation Hill  สำหรับจุดชมวิวฮิสึจิงาโอคะ เป็นจุดชมวิวที่อยู่บนเนินเขาทางทิศใต้ ของซัปโปโร จากจุดชมวิวสามารถมองเห็นทุ่งหญ้าและตัวเมือง และจุดเที่ยวที่อยู่ ณ จุดชมวิวนี้ ได้แก่ รูปปั้นศจ.วิลเลียม เอส. คลาร์ก(Prof. William S. Clark) , Clark Chapel , Sapporo Blanc Birch Chapel, พิพิธภัณฑ์เทศกาลหิมะ (Snow Festival Museum) รวมทั้งร้านอาหารและจุดขายของที่ระลึก
ช่วงที่เดินทางคือช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน บรรยากาศจะเป็นฟ้าใสๆ กะทุ่งหญ้าเขียวๆ ค่ะ
 
การเดินทางไปยังจุดชมวิวฮิสึจิงาโอคะ สามารถเดินทางได้โดยขึ้นรถ subway สาย Toho ลงสุดสายที่สถานี Fukuzumi
 เมื่อถึงที่สถานี Fukuzumi ให้เดินไปตามทางที่เขียนว่าไป Fukuzumi Bus Terminal ขึ้นบันไดเลื่อนไปตามทาง
ให้ไปตามป้ายที่จะไปจุดรอรถบัสหมายเลขที่ For Hitsujigaoka Observation Hill 
รถรถบัสหมายเลข 84 ที่ชานชลา 4 ไปลงที่ HitsujigaokaTenbodai
บรรยากาศในรถบัส ค่าโดยสารรถบัสเที่ยวละ 200 เยน
นั่งรถบัสไม่นาน รถบัสก็ไปจอดส่งถึงประตูเลยทีเดียว
แผนที่ในบริเวณจุดชมวิว รถบัสสายที่เรานั่งสุดสายที่นี่ จอดตรงบริเวณ Ticket gate ตรงจุดจำหน่ายตั๋วจ่ายค่าเข้าคนละ 520 เยน เราก็เดินเที่ยวจุดต่างๆ ตามในแผนที่ได้เลย
เริ่มจาก รูปปั้นศจ.วิลเลียม เอส. คลาร์ก หนึ่งในคณาจารย์ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยฮอกไกโด
Clark Chapel โบสถ์ขนาดเล็กที่เคยใช้จัดพิธีงานแต่งงาน
พิพิธภัณฑ์เทศกาลหิมะ 
ตอนไปยังเช้ามากพิพิธภัณฑ์จะเปิดตอน 9 โมงเช้า เราเลยถ่ายรูปเล่นรอบๆ รอ
 
พอถึงเวลาพิพิธภัณฑ์เปิดก็เข้าไปเดินชมข้างใน ข้างในเป็นการรวบรวมข้อมูลเทศกาลหิมะของปีต่างๆ ทั้งรายละเอียดของงานและแบบจำลอง มีรูปงานของไทยแสดงอยู่ด้วย

แล้วก็มีส่วนที่จำลองปั้นเป็นการ์ตูนต่างๆ
ของที่ระลึก
ห้องข้างล่างจะมีไว้ฉายงานเทศกาลหิมะ
เดินออกจากพิพิธภัณฑ์ส่วนต่อไปที่จะผ่านคือ Rest House เป็นร้านอาหารมีเนื้อแกะย่างบาร์บีคิวขึ้นชื่อด้วย แต่เราจะไปเที่ยวกันต่อ เลยปิดท้ายที่นี่ด้วยซอฟครีมเมล่อน หอมและอร่อยมา
ติดใจจนอยากกินอีก
สำหรับขากลับรถบัสจะจอดรออยู่ตรงหน้า Austrian House อาคารขายของที่ระลึก ขึ้นรถบัสรอถึงเวลารถบัสก็จะออกนั่งกลับไปลงที่สถานี Fukuzumi ได้เลย ค่ารถ 200 เยนเช่นเดิมค่ะ

ซัปโปโรเองสวยสดใสทั้งในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ขาวสะอาดในฤดูหนาว และดอกไม้เบ่งบานในฤดูร้อนนะคะ เลือกมาเที่ยวกันได้

#whenigo

You May Also Like

0 ความคิดเห็น

TripAdvisor
Booking.com