มาเลเซีย - กัวลาลัมเปอร์, ปุตราจายา 3 วัน 2 คืน

by - กันยายน 19, 2561


มาเลเซีย - กัวลาลัมเปอร์, ปุตราจายา 3 วัน 2 คืน


กัวลาลัมเปอร์เมืองหลวงของประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของเรา หลังจากเราเคยไปปีนังมาแล้วครั้งนึง รอบนี้ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวเล่นในตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์กันบ้าง เรามีเวลา 3 วัน 2 คืน แต่เนื่องจากเป็นเมืองร้อนเราเลยไม่เน้นเก็บจุดเที่ยว เลยกลายเป็นทริปเต่า ที่แวะเที่ยวอยู่ไม่กี่ที่ ไปที่ไหนยังไงกันบ้างลองมาดูกันค่ะ

เราเดินทางสู่มาเลเซียด้วยเที่ยวบินเช้าสุดจากสนามบินดอนเมือง เดินทางถึง Kuala Lumpur International Airport ประมาณ 10 โมงกว่าๆ ตามเวลามาเลเซีย แถว ตม. วันนี้ทำเราเแปลกใจนิดหน่อย เพราะก่อนหน้าเราเหมือนเขาถูกถามพวกที่พักและแพลนละเอียดทำให้ข้างหน้าเราต้องถอยกลับมาหาเอกสารกัน แต่เราก็ผ่านสบายๆ ตามปกติค่ะ

หลังจากผ่าน ตม. มาแล้วการเดินทางเข้าเมืองจากสนามบินมีหลายวิธี ที่นิยมกันจะเป็นรถบัสซึ่งจะราคาไม่แพง ส่วนถ้าจะเน้นความเร็วก็จะเป็น KLIA Ekspres ที่วิ่งจากสนามบินตรงถึง KL Sentral โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งจะราคาเที่ยวละ 55 ริงกิต ไปกลับ 100 ริงกิต (ราคาค่อนข้างแพงทีเดียว)
แต่เราเลือกวิธีนี้นะคะ เพราะว่าอยากเข้าเมืองเร็วๆ เพื่อประหยัดขึ้นมาหน่อยเราใช้ซื้อตั๋วล่วงหน้าจาก https://www.kliaekspres.com/
จะมีโปรโมชั่นต่างๆ อยู่นะคะกรณีซื้อเป็นกลุ่ม ส่วนถ้าไม่ถึงสามคนถ้าซื้อผ่านเว็บก็จะได้ส่วนลด 10% ค่ะ ก็จะเหลือไป-กลับ ราคา 90 ริงกิต


เราจะได้รับอีเมล์พร้อม QRCODE สามารถใช้ QRODE นี้ผ่านเข้า-ออกได้เลย



บรรยากาศในรถ




พร้อม 4G Wifi


ใช้เวลา 30 นาทีโดยประมาณวิ่งตรงจากสนามบินมายัง KL Sentral ศูนย์รวมรถทุกประเภท


เราเดินตรงไปตามทางไปที่บอกว่าไป Monorail เพราะที่พักเราอยู่แถว Bukit Bintang จาก KL Sentral เดินทางไปได้ด้วยรถโมโนเรลค่ะ เดินเข้าห้าง NU Sentral จะเป็นสถานี Monorail KL Sentral นั่งยาวต่อเดียวไปลง Bukit Bintang

ข้าวมื้อแรกของเราคือร้าน chicken rice shop ในห้าง NU นี่เอง

การเดินทางในกัวลาลัมเปอร์สามารถเดินทางได้ง่ายด้วยรถไฟฟ้า โดยสามารถดูได้ที่นี่ http://klcityguide.my/kuala-lumpur-train-map/


ก่อนอื่นคือการเดินทางจาก KL Sentral ไปยังที่พักของเรา Gold 3 Boutique Hotel โดยเดินทางด้วย Monorail ลงสถานี Bukit Bintang ให้ลงทางฝั่งห้าง LOT10 นะคะ เดินเลาะห้างไปก็จะถึงที่พักค่ะ


เราจองห้องพักแบบ 2 เตียง แบบมีหน้าต่าง บรรยากาศในห้องคร่าวๆ ประมาณนี้





อุปกรณ์ในห้องน้ำมีให้ครบ ผ้าเช็คตัวมีแต่ผ้าผืนใหญ่ ไม่มีผืนเล็ก ห้องน้ำมีสายชำระสไตล์กัวลาลัมเปอร์ คือไม่มีหัวฉีด เป็นสายเฉยๆ มีทีวี กาต้มน้ำร้อน พร้อมน้ำให้ ไม่มีตู้เย็น

สำหรับการเข้าพักที่มาเลเซียจะมีกฏหมายให้ต้องจ่ายภาษีคืนละ 10 ริงกิต จ่ายตอนเช็คอิน
สำหรับ wifi ที่นี่ให้เป็นรหัสพร้อมวันเวลาหมดอายุ ถ้าอยู่หลายๆ วันไปขอที่เคาท์เตอร์ได้ใหม่ค่ะ

ลองเข้าไปดูที่พักได้ที่ https://www.agoda.com/partners/partnersearch.aspx?pcs=1&cid=1811539&hl=th&hid=641765 หรือ https://www.booking.com/hotel/my/goldtree.th.html?aid=1615768&no_rooms=1&group_adults=1

หลังจากเก็บของเรียบร้อยเป้าหมายแรกของเราก็คือไปเที่ยว KL Forest Eco Park  เนื่องจากวันแรกก็เลยเลือกเที่ยวโซนใกล้ๆ ที่พัก

การเดินทางจากสถานี Bukit Bintang นั่งรถไปลงสถานี Masjid Jamek เราเปลี่ยนสายจาก Monorail เป็น LRT สาย 3,4 ที่สถานี Hung Tuah
โดยตอนที่เราหยอดเงินซื้อตั๋วเราสามารถเลือกได้เลยนะคะว่าเราจะไปลงปลายทางที่ไหน อย่างเช่นกรณีปลายทางที่จะไปคือ Masjid Jamek ซึ่งมีสถานีเชื่อมโดยไม่ต้องออกจากสถานีก็กดว่าปลายทางงเป็น Masjid Jamek ได้เลย เพราะเอาจริงๆ ตอนแรกเราเองก็งงว่าเราขึ้น Monorail ต้องกดซื้อเฉพาะ Monorail รึเปล่า



เมื่อถึงสถานี Masjid Jamek ข้ามถนนแล้วเดินตามเส้นนี้ได้เลย


ระหว่างทาง




KL Forest Eco Park เป็นเหมือนป่ากลางกรุงค่ะ ถ้าใครชอบอะไรเขียวๆ ก็แวะกันไปได้






เดินชมวิวบนสะพานแขวนมาเรื่อยๆ จะมาออกประตูอีกด้านซึ่งอยู่บริเวณ KL Tower ค่ะ


เสียดายวันนี้ฝนตกหนัก เราเลยไม่ได้ขึ้นไปชมวิวด้านบน

หลังฝนหยุดเราเดินต่อไปจุดแลนมาร์คสำคัญของกัวลาลัมเปอร์ค่ะ ตึกแฝด เปโตรนาส


จาก KL Tower เดินลงมาที่ถนนใหญ่ แล้วเดินตรงอย่างเดียวก็จะถึงทางเข้าห้าง ซูเรียเคแอลซีซี


หมายเลข 1 จุดถ่ายรูปคู่กับตึกแฝด
หมายเลข 2 คือจุดดูน้ำพุ
และหมายเลข 3 สำหรับคนนั่งรถเมล์กลับ และเป็นฝั่งเดียวกับสถานีรถไฟ



มุมจากสวน KLCC จะเป็นมุมชมน้ำพุคู่กับตึกแฝดที่เป็นฉากหลัง หรือจะยืนชมจากฝั่งห้างก็ได้เช่นกัน น้ำพุจะเริ่มวอร์มตั้งแต่ 1 ทุ่ม พอ 2 ทุ่มก็จะเริ่มจัดเต็ม


เวลาโชว์ของน้ำพุคือ 20:00 น. 21:00 น. และ 21:45 น.

ขากลับเรานั่งรถบัสฟรี GoKL กลับที่พัก


สามารถเช็คสายรถบัส GoKL ได้ที่ : https://www.gokl.com.my/


ที่ KLCC เป็นรถสายสีเขียว สำหรับคนที่พักแถว Bukit Bintang สามารถไปลงที่ Pavillion ได้ค่ะ


วันที่สอง

เช้าวันที่ 2 นั่งรถมาลงที่ NU Sentral แวะมาถ่ายรูปที่บันไดเลื่อนมุมฮิตๆ ซะหน่อย



ส่วนอาหารเช้าวันนี้ฝากท้องไว้กับร้าน Oldtown White Coffee Brickfields


ที่นี่จะมีทั้งเส้นแบบจีน หรือข้าวแบบอินเดีย จดเลขลงบนใบออเดอร์แล้วส่งให้พนักงานได้เลยค่ะ





สำหรับแพลนวันนี้เราจะเดินทางไปปุตราจายากัน จากสถานี KL Sentral วิธีที่ง่ายและสะดวกสบายก็คือ KLIA Transit ไปลงที่สถานีปุตราจายา ซื้อตั๋วเที่ยวละ 14 ริงกิต นั่งรถประมาณ 20 นาที



เมื่อถึงสถานีปุตราจายาเดินตรงไปยัง Bus Station 


เรานั่งรถสาย L15 เพื่อไป Masjid Putra หรือมัสยิดสีชมพู




Masjid Putra  มัสยิดสวยงามแห่งหนึ่งประจำปุตราจายา ด้วยตัวอาคารสีชมพูเด่นตั้งอยู่ริมแม่น้ำ
เวลาเปิดเข้าชม
9:00 - 12:30 น.
14:00 - 16:00 น.
17:30 - 18:00 น.
วันศุกร์ 15:00 - 16: 00 น. และ 17:30 - 18:00 น.




ภายใน

สำหรับผู้หญิงที่ไม่ใช่มุสลิมจะมีชุดคลุมให้ตรงทางเข้า


ที่ริมแม่น้ำเป็นศูนย์อาหารและจุดพักผ่อนชมวิว



ในเมืองปุตาจายามีสถานที่สวยๆ อีกแห่ง คือ Astaka Morocco


เป็นสถานที่ที่สร้างขึ้นเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมาเลเซียกับโมรอคโค ตัวอาคารจึงเป็นศิลปะสวยงามแบบโมรอคโค จากมัสยิดสีชมพูสามารถนั่งรถสาย L15 มาได้ โดยสังเกตุที่หน้ารถว่าเป็นสายกลับ Putra Sentral หรือสายไปต่อ หรือนั่ง Grab หรือแท็กซี่มาก็ได้ค่ะ โดย Astaka Morocco ตั้งอยู่ในสวนพฤกศาสตร์ปุตราจายา


แบ่งโซนเป็นสามส่วนคือทางเข้า โซนภายใน และโซน Private




โดยโซนทางเข้าและโซนภายในด้านนอก เข้าชมได้ฟรี และถ่ายรูปได้




ส่วนโซน Private จะเสียค่าชม 3 ริงกิต และห้ามใช้กล้องถ่ายรูปค่ะ ใช้ได้แค่กล้องมือถือ ด้านในเป็นห้องต่างๆ

จาก Astaka Morocco กลับไปยัง Putrajaya Sentral เราใช้วิธีเรียก Grab

กลับมายังกัวลาลัมเปอร์ค่ำนี้เรามาเดินเที่ยวชมห้างแถว Bukit Bintang จากที่พักเดินออกมาก็ถึงแล้วค่ะ






ส่วนมื้อค่ำวันนี้ไปเดินดูที่ Alor Street Food Night Market



ที่นี่รวมรวมอาหารจากหลากหลายสัญชาติค่ะ อาหารไทย อาหารจีน อินเดีย สิงคโปร์ เวียดนามมาหมด
จะคอยมีคนเรียกตลอดทางนะคะ อยากแวะร้านไหนแวะได้เลย

ส่วนเรากินอะไรง่ายๆ อย่าง Lok Lok ราคาตามสีปลายไม้ มีให้เลือกได้ว่าจะย่างหรือจะลวกค่ะ




ของคาวแล้วก็มาต่อของหวานไอติมมะพร้าว



และทุเรียนมูซาคิง


มูซาคิงเป็นทุเรียนเนื้อนิ่ม หวาน กลิ่นแรง
ที่ร้านจะมีปูโต๊ะด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ พร้อมถุงมือพลาสติก ทิชชู่ และน้ำเปล่าให้

อิ่มท้องเรียบร้อย ก็เดินกลับที่พัก พักผ่อนเตรียมเที่ยววันต่อไป


วันที่สาม

เช้าวันที่สามเราเช็คเอาท์พร้อมฝากกระเป๋าไว้ที่ที่พัก และออกไปเที่ยว วันนี้จะไปเที่ยว Merdeka Square จาก Bukit Bintang ไปลงสถานี Masjid Jamek เช่นเดิม


Masjid Jamek เดินตามเสันทางคร่าวๆ ตามนี้เลยค่ะ


เดินเลาะมัสยิดข้ามสะพาน แล้วลงไปเดินริมแม่น้ำ ข้างๆ ทางเดินริมแม่น้ำเขาทำเป็นสระน้ำและมีปลาด้วย


เดินไปเรื่อยๆ และออกไปด้านหน้าตึก Sultan Abdul Samad Building



แวะนั่งพักหลบแดดแถว Kuala Lumpur City Gallery


กับจุดถ่ายรูป I ❤ KL



ตึกสวยๆ อีกตึกนึงบริเวณนี้คือ National Textile Museum พิพิธภัณฑ์สิ่งทอ ภายในเข้าชมได้ฟรี




จากพิพิธภัณฑ์สิ่งทอเราเดินข้ามแม่น้ำอีกรอบกับมุมมัสยิดจาเม็กด้านนี้


พร้อมกับตึกสวยๆ หน้าต่างเหลืองเด่นของร้าน Cafe Old Market Square


บนชั้นสองมีภาพประดับเหมือนแกลอรี่เล็กๆ



อาหารของเรา Fried Meehon และ Fried Meehon Mee




อิ่มท้องเรียบร้อยก็เดินไปต่อยังแหล่งซื้อของฝากค่ะ Central Market และ Kasturi Walk




ใครอยากได้ของฝาก สามารถมาซื้อได้ที่นี่

ส่วนแหล่งช้อปปิ้งอีกหนึ่งที่คือ Petaling Street Market ซึ่งที่นี่จะเน้นไปทางของใช้




ระหว่างทาง


แถว China Town นี้จะมี Street Art อยู่หลายจุด


เมื่อเที่ยวจนทั่ว เรากลับที่พักด้วยการนั่งรถ MRT จากสถานี Pasar Seni กลับไปยัง Bukit Bintang ค่ะ


แวะพัก Starbuck

ส่วนเวลาที่เหลือเราไปชม Vintage Camera Museum ณ ที่พักเราเองค่ะ

ที่ชั้น 2 ของที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์กล้องวินเทจ หนึ่งเหตุผลที่เลือกพักที่นี่ เพราะชอบการตกแต่งของเขาเลย 

แขกที่พักที่นี่สามารถมานั่งจิบกาแฟ หรือทานอาหารพักผ่อนที่ห้องนี้ได้

ส่วนอีกด้วยจะเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์






ใครพักที่นี่มาถ่ายรูปเล่นได้เต็มที่เลยนะคะ


เมื่อถ่ายรูปกันเต็มที่ก็ได้เวลาเดินทางกลับ เราซื้อตั๋ว KLIA Ekspres แบบไป-กลับไว้ ก็สามารถใช้ QRcode แสกนได้เหมือนขามา
ที่กัวลาลัมเปอร์ที่คิดไว้ตอนแรกน่าจะไม่มีอะไร แต่พอไปแล้วประทับใจสายชิวแบบเรามาก เรียกว่าถ้าอยากไปไหนใกล้ๆ สบายๆ ที่นี่จะเป็นอีกที่หนึ่งที่นึกถึงค่ะ

#whenigo
YT : When i go

You May Also Like

0 ความคิดเห็น

TripAdvisor
Booking.com